บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 162)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 162)

การสู้รบเป็นไปด้วยความดุเดือด เลือดไหลนองทะเลทรายย้อมผืนทรายแดงฉาน

ฝ่ายอังกฤษได้เป่าแตรให้สัญญานให้ทหารอังกฤษเตรียมสู้รบกับทหารราบของฝรั่งเศส  “พวกเราบุกเข้าไป”

พันโทโอลิเวอร์ได้สั่งพลทหารที่กำลังจุดชนวนปืนใหญ่ “ยิงได้” หวีด บึ้ม บึ้ม…. ปืนใหญ่สามร้อยกระบอกระดมยิงทหารนโปเลียน กระสุนปืนใหญ่ตกด้านหน้ากองทหารของนโปเลียน ควันฟุ้งกระจาย “โอ๊ย” อ๊ากซ์ๆๆๆๆ ทหารฝรั่งเศสถูกปืนใหญ่ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ทหารเสนารักษ์ ของฝรั่งเศส รีบนำเกวียนไปบรรทุกทหารที่ได้รับบาดเจ็บไปรักษา กระสุนปืนใหญ่ หนึ่งลูก ตกใส่เกวียนทหารเสนารักษ์ บึ้ม ร่างทหารฝรั่งเศสฉีกขาดกระเด็นขึ้นฟ้า ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตทันที

ทหารม้าเจนิสซารี่ ได้ทีรีบบุกไปสู้รบระยะประชิดกับทหารของ พลโทฟรานซิส เวียร์ “ปัง ปัง ปัง ๆๆๆๆ ปัง ๆๆๆ เสียงปืนไรเฟิล ดังก้อง “ปัง ปัง ปัง ๆๆๆๆๆ” ทหารติดดาบปลายปืน ทหารทั้งสองฝ่ายได้ควบม้าเข้าประทะกัน ดาบปลายปืน ดาบยาวของทหารม้าเจนิสซารี่ ได้ฟันถูกทหารฝรั่งเศส ตกม้าเสียชีวิต “อ๊ากซ์” เสียงร้องตะโกน เสียงร้องครวญ “โอย ช่วยข้าที ข้าถูกม้าเหยียบ” เสียงทหารฝรั่งเศส พยายามพูดแต่ไม่มีเสียงออกมา และสิ้นใจ ม้าหลายตัวได้เหยียบย้ำบนร่าง ทหารฝรั่งเศสต้องเสียชีวิต ทหารฝรั่งเศสอีกนายหนึ่งตกจากหลังม้า ได้ประสบการณ์ที่น่าอนาถมาก ม้าของฝ่ายตนได้ตกใจ ขี้รดใส่ร่างกายทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ต้องตายในกองขี้ม้าเหม็นคลุ้ง

การสู้รบระยะประชิด ทหารฝรั่งเศสได้ใช้ดาบแทงทหารเจนิสซารี่ตกจาก  หลังม้า “โอ๊ย… ม้าของทั้งสองฝ่ายได้วิ่งเหยียบร่างทหารม้าเจนีสซารี่ที่เคราะห์ร้าย “โอ๊ย โอ๊ย ม้าเหยียบ สักพักเสียงก็เงียบไป” ทหารอังกฤษบนหลังม้าได้หยิบปืนพกและจ่อยิงทหารเจนีสซารี่ที่เคราะห์ร้าย “ปัง” 

“เฮ้ ทำไมยิงฝ่ายเดียวกัน” ทหารอังกฤษบนหลังม้านายหนึ่งสงสัย” “ข้าช่วยสงเคราะห์ให้ไม่ต้องทรมาน” ทหารที่ยิงตอบหน้าตาเฉย “ไปพวกไปจัดการทหารฝรั่งเศสพวกนั้นต่อ”

การเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูสามารถเปลี่ยนได้ในทุกวินาที ทหารอังกฤษเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิออตโตมัน แต่ถ้าผู้บังคับบัญชาให้หันปืนและยิงทหารม้าเจนีสซารี ทหารอังกฤษก็ไม่ลังเลยใจ ถึงแม้ว่าจะร่วมรบมาด้วยกันก็ตาม ทหารอังกฤษที่ยิงทหารม้าเจนีสซารี่ ก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว การช่วยให้หายทรมานด้วยการยิงเพื่อให้หายทรมานไปเฝ้าพระเจ้า จะเป็นการกระทำถูกหรือผิด ไม่มีใครตัดสินใจได้ มนุษย์ธรรม หรือเมตตาธรรม เป็นสิ่งยากตัดสิน แม้คำสอนทุกศาสนา จะสอนให้คนรักกัน ช่วยเหลือกัน แต่สุดท้ายก็ต้องมาเข่นฆ่ากัน โดยไม่มีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน

“บึ้ม บึ้ม…ๆๆๆ กระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายอังกฤษได้ยิงถล่มเข้าไปตรงกลาง วงในขณะที่การตะลุมบอนระหว่างทหารม้าเจนีสซารี่กับทหารม้าฝรั่งเศส ร่างกายทหารฝรั่งเศสในชุดสีน้ำเงิน กระจายแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี “โอ๊ย โอ๊ย….. ม้า หลายสิบตัวล้มลง ทหารทั้งสองฝ่ายที่กำลังตะลุมบอน ถูกปืนใหญ่ทหารอังกฤษเสียชีวิต

พลโทฟรานซิส เวียร์ ถูกยิงเสียชีวิต” เสียงทหารฝรั่งเศสร้องตะโกน มีใครอยู่ใกล้ไหม เรียกทหารเสนารักษ์ให้มาช่วยนำร่างทหารที่ได้รับบาดเจ็บในการรบออกไปหน่อยๆ เสียงร้องตะโกนของทหารฝรั่งเศส

บนท้องฟ้า พันเอกเจนัวส์ ได้มองภาพที่น่าสยดสยอง หลายสิบชีวิต ต้องแหลกเหลว เพราะกระสุนปืนใหญ่ของทหารอังกฤษ “มันบ้าไปแล้วพวกอังกฤษยิงถล่มไม่ได้ดูเลยว่าฝ่ายของตนกำลังสู้กับฝรั่งเศสอยู่” เสียงบ่นของพันเอกเจนัวส์ กับร้อยโทลูคัส

“ผมว่าอังกฤษจงใจมากกว่า ต้องการกำจัดทหารม้าเจนีสซารี่เพื่อพวกตนจะได้ลดทอนศัตรูในอนาคต เพราะต่อไปอังกฤษต้องแย่งยึดครองดินแดนแถบนี้อยู่แล้ว ทหารอังกฤษเห็นอยู่ว่าพันธมิตรของตนยังรบพัวพันอยู่จงใจยิงปืนใส่เข้าใส่”      ร้อยเอกลูคัส ตอบพันเอกเจนัวร์

การรบทวีความดุเดือด นโปเลียนสั่งให้ปืนใหญ่ดวลกับปืนใหญ่อังกฤษ          นโปเลียนนำปืนใหญ่มาทั้งหมด 3,000 กระบอกจากฝรั่งเศส และปืนใหญ่ก็ติดตั้งบนเรือรบส่วนใหญ่ และถูกฝรั่งเศสจมเรือรบเกือบหมด นายพลมีโนได้รับบาดเจ็บ  

นโปเลียนนำปืนใหญ่ลงจากเรือที่อาวอาบูรกีร์ ลงมาเพียง 1,000 กระบอก    ปืนใหญ่ส่วนมากก็ตั้งอยู่ตามเมืองต่าง ๆ และบางส่วนก็เสียหายหลังจากการสู้รบ    นโปเลียนนำปืนใหญ่มารบที่เมือง เอเคอร์เพียง ห้าร้อยกระบอก และก็ชำรุดเป็นจำนวนมากรอให้สุลต่านเปอร์เซีย ส่งปืนใหญ่มาสนับสนุน แต่ก็ไร้วี่แวว นโปเลียนเหลือปืนใหญ่ที่ใช้การได้เพียง 100 กระบอก แต่อังกฤษมีปืนใหญ่รุ่นใหม่ที่ประสิทธิภาพดีกว่ามากมาย จำนวน 300 กระบอกที่ส่งมาไว้รบกับนโปเลียนโดยเฉพาะ

“บุกเข้าไปฆ่าให้หมด เสียงร้องตะโกนของ อะห์มัด ตะโกนบอกทหารม้าให้รีบบุกฆ่าทหารฝรั่งเศส ปืนใหญ่อังกฤษยิงถล่มไม่หยุด บึ้ม บึ้ม….ๆ ๆ “โอ๊ย อ๊ากซ์ ปืนใหญ่ของฝรั่งเศสเริ่มยิงห่างขึ้น บึ้ม. ฝรั่งเศสสูญเสียอย่างหนัก

“ไม่ไหวแล้วท่านผมคิดว่าถอยทัพดีกว่ามิฉะนั้นกองทัพละลายแน่ เพราะข้าศึกบุกหนักเหลือเกิน นโปเลียนได้สั่งให้ถอยทัพ

“สั่งการให้ถอยทัพ ให้และหน่วยเสนารักษ์ถอนทัพก่อนให้ทหารปืนใหญ่ ตรวจสอบเหลือปืนใหญ่ที่ยังใช้งานได้กี่กระบอกให้ยิงสกัด แล้วให้ทหารราบถอยทัพ ตามด้วยทหารม้า ให้ทหารม้าคุ้มครองทหารปืนใหญ่” นโปเลียนสั่งการ

คุณเคนและท่านเกลแบร์ ให้ถอนทัพไปพร้อมกับทหารเสนารักษ์ และให้หน่วยทหารม้าตามไปรับพันเอกเจนัวร์และร้อยโทลูคัส

พลตรีโรเบอร์โต ท่านอยู่คุมปืนใหญ่พร้อมกับผม เราจะถอนทัพเป็นหน่วยสุดท้าย นโปเลียนได้บอกพลตรีโรเบอร์โต ปืนใหญ่ของฝรั่งเศสตอนนี้เหลือเพียง 30 กระบอกได้ตั้งเรียงรายเป็นหย่อม โดยมีทหารราบยืนล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สามชั้น และมีทหารม้าคอยสนับสนุนอยู่ภายใน

ปืนใหญ่อังกฤษเริ่มเคลื่อนเข้ามา ฝรั่งเศสเริ่มยิงปืนใหญ่

“พลปืนจุดชนวนได้ หวีด หวีด บึ้ม บึ้ม….” การสาดกระสุนปืนใหญ่เข้าใส่ทหารอังกฤษเพื่อสกัดกั้น ไม่ให้ทหารม้าและทหารอังกฤษไล่ตามทหารฝรั่งเศสที่กำลังถอยทัพ ดังสนั่นทะเลทราย ฝุ่นทรายฟุ้งกระจาย ทหารม้าของอะห์มัดได้สั่งให้หยุดไม่ตาม เมื่อเห็นทางฝรั่งเศสเริ่มถอยทัพ

“ท่านนายพลเหลือกระสุนปืนใหญ่อีกมากไหม” นโปเลียนถามพลตรี           โรเบอร์โต

“ไม่มากครับเหลือไม่เกินสามสิบนัด”

“เอาละเรายิงเท่าที่จำเป็น ค่อยๆเคลื่อนพลถอยทัพ” นโปเลียนสั่งการ

ทหารปืนใหญ่อังกฤษเมื่อเห็นฝรั่งเศสเริ่มถอยทัพก็หยุดยิง เพียงแต่คุมเชิง    การรบของทั้งสองฝ่ายก็ยุติลง พร้อมกับความพ่ายแพ้ของนโปเลียน

You may also like...