บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 ตอนที่ (292)
by admin · กรกฎาคม 24, 2021

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 ตอนที่ (292)
คณะของนโปเลียนออกเดินทางจากเมืองเฟยูรและแวะพักที่เมือง เอ๊กซ์ (Aix) นโปเลียนได้รับจดหมายที่คณะกรรมการดิเร็กตัวร์ได้เขียนถึงนโปเลียนและฝากเรือไปให้นโปเลียนช่วงนโปเลียนอยู่ที่อียิปต์ แต่เรือสินค้าที่เดินทางไปไม่ถึงอียิปต์เพราะมีกองเรืออังกฤษคอยลาดตระเวณเรือสินค้าจึงเดินทางกลับฝรั่งเศส กัปตันเรือก็นำจดหมายติดตัวเอาไว้ และไม่กล้าส่งคืนและแจ้งข่าวต่อคณะกรรมการดิเร็กตัวร์ ถึงความคืบหน้าในการส่งจดหมายให้กับนโปเลียน เมื่อกัปตันทราบข่าวนโปเลียนเดินทางกลับถึงฝรั่งเศสและชาวเมืองได้พูกกันทั่วเมืองนโปเลียนจะผ่านที่เมืองเอ๊กซ์ กัปตันได้มารอพบนโปเลียนและมอบจดหมายที่เขียนไว้นานแล้วแก่ นโปเลียน
“สวัสดีท่านนโปเลียน ผมฌอแอล มาเกรซ เป็นกัปตันเรือสินค้าที่ขนส่งสินค้าจากฝรั่งเศสไปอียิปต์” กัปตันฌอแอลแนะนำตัว
“กัปตันนี่มันจดหมายอะไร” นโปเลียนถาม
“จดหมายที่ทหารนำมาให้ผม บอกว่าเป็นจดหมายฝากให้ท่านนโปเลียนที่อียิปต์ ผมล่องเรือไปแต่เรือรบอังกฤษลาดตระเวณและไม่ให้ผ่านน่านน้ำเข้าอียิปต์ผมเลยต้องเอาสินค้าไปขายที่เมืองอื่น ทำให้จดหมายไปไม่ถึงท่าน และผมเก็บจดหมายไว้กลับตัว รู้สึกผิดเมื่อได้ทราบข่าวว่าท่านเดินทางกลับถึงฝรั่งเศส จึงนำจดหมายมามอบให้ท่านแม้มันจะช้าไปเกือบปี แต่ผมก็ทำภารกิจเสร็จสิ้น” กัปตันฌอแอลบอกกับนโปเลียน
นโปเลียนเมื่อได้รับจดหมายก็เปิดอ่าน ซึ่งเนื้อความในจดหมายก็เพียงบอกว่า
“คณะกรรมการดิเร็กตัวร์ ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากในการปกครองประเทศอยากให้นโปเลียนช่วยเหลือด่วน”
นโปเลียนบอกกับกัปตันฌอแอล บักเคน และพลโทหญิงโคลเอ้ รัสตัมก็ได้ยินกันทุกคน
“คณะกรรมการดิเร็กตัวร์ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ผมก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ผมอยู่ไกลถึงอียิปต์ คณะกรรมการคงมีหนทางแก้ปัญหาของเขา สำเร็จหรือไม่สำเร็จผลลัพท์มันก็ออกมาแล้ว หลังจากที่รบชนะที่อียิปต์ผมก็แจ้งข่าวด้วยนกพิราบให้คณะกรรมการดิเร็กตัวร์ได้ทราบแล้ว” นโปเลียนบอกกับกัปตันฌอแอล
“เออ แล้วชาวบ้านทราบได้อย่างไรว่าท่านรบชนะที่อียิปต์โด่งดังไปทั่วฝรั่งเศส” กัปตันฌอแอลถามด้วยความสงสัย
“ผมไม่ทราบอาจจะเป็นคณะกรรมการดิเร็กตัวร์เอาข่าวนี้มากระจายให้ชาวบ้านได้ทราบเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของคณะกรรมการหลังจากที่มีแต่ข่าวแย่ ๆ มาตลอด เมื่อมีข่าวดีเลยกระจายข่าว” นโปเลียนบอก
“ผมว่าไม่น่าจะเป็นไปได้” กัปตันฌอแอลค้าน
นโปเลียนรู้ดีอยู่เต็มอก ทุกอย่างมันเป็นการทำงานประสานกันระหว่างอาดัมกับนโปเลียนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของนโปเลียนให้เป็นวีรบุรุษฝังอยู่ในใจของชาวฝรั่งเศสและชาวยุโรป ถึงความสามารถอันยิ่งใหญ่ของนโปเลียน
“ช่างมันเถอะกัปตัน ผมไม่สนใจว่าใครจะกระจายข่าว แต่ผมกลับมาแล้ว ผมต้องขอตัวเดินทางต่อกัปตันไว้วันหน้าค่อยคุยกันต่อ” นโปเลียนบอกกับกัปตันและรถม้าออกเดินทางต่อ ท่ามกลางประชาชนที่ได้รับทราบข่าวการกลับมาของนโปเลียนออกมาต้อนรับตลอดเส้นทาง นโปเลียนรีบเร่งเดินทาง แวะเปลี่ยนรถม้า เพื่อให้ม้าได้พักเพราะเหนื่อยล้า การเดินทางอย่างรีบเร่งตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้ทันวันเปิดประชุมของสภา ชาวบ้านเมื่อทราบข่าวตามเส้นทางก็ออกมาต้อนรับ ยามค่ำคืนชาวบ้านก็จุดคบไฟส่องทางให้กับนโปเลียนตั้งแต่เมืองเอ๊กซ์ อาวิญอง วาลังซ์ และแวะพักที่เมืองลียงหนึ่งคืนเพราะหลายคนรู้สึกเมื่อยล้าในการนั่งรถม้ายาวนาน
บักเคนบอกกับนโปเลียน จะขออนุญาติไปกับพลโทหญิงโคลเอ้ไปหาเพื่อนรักที่อาศัยอยู่ที่เมืองลียง นโปเลียนได้อนุญาติส่วนรัสตัมไม่ไปขออยู่อารักขานโปเลียน หลังจากพบเพื่อนของพลโทหญิงโคลเอ้
บักเคนกับพลโทหญิงโคลเอ้ได้เช่าม้าและขี่ม้าออกไปจากโรงแรม ตรงไปยังปราสาทหลังหนึ่งที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนิน
“เพื่อนของท่านนายพลพำนักอยู่ปราสาทหรือครับ” บักเคนถามด้วยทึ่ง เพราะนึกไม่ถึงเพื่อนของพลโทหญิงโคลเอ้ถึงกับพำนักอยู่ในปราสาท
“ใช่ เพื่อนฉันเป็นลูกของ ขุนนางฝรั่งเศสในยุคสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่14 และสืบต่อกันมา จนถึงพ่อของเพื่อนฉันได้ไปเสียชีวิตที่เฮติ” พลโทหญิงโคลเอ้บอกกับบักเคน
“เพื่อนของฉันเลยต้องอยู่คนเดียวกับทหารลูกน้องของพ่อเขา”
“แล้วแม่ของเพื่อนของท่านนายพลล่ะ” บักเคนถามด้วยความสงสัย
“อ๋อแม่ของเพื่อนฉันเสียชีวิตตั้งแต่แคลร์ยังเป็นเด็กอยู่ กำพร้าแม่ตั้งแต่อายุ สองขวบเพื่อนฉันอาศัยอยู่กับแม่นม” พลโทหญิงโคลเอ้บอกกับบักเคน
“ครับ”
“เอาล่ะคุณเคนรออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันจะไปแจ้งคนคุมปราสาทก่อน
พลโทหญิงโคลเอ้ได้เดินเข้าไปยังป้อมรักษาการณ์ที่มีทหารยืนคุมอยู่ห้าคนทหารยามจำได้จึงรีบไปแจ้งแก่แม่บ้านเพื่อบอกกับแคลร์ว่าเพื่อนที่ชื่อโคลเอ้มาพบ
“สวัสดีเพื่อนรักลมอะไรหอบเธอมาหาฉัน หายไปหลายปีนะเธอ มีลูกหรือยัง” แคลร์ เพื่อนของพลโทหญิงโคลเอ้ทักทายเมื่อพบกับพลโทหญิงโคลเอ้ ด้วยความดีใจสุดขีดที่จู่ ๆ เพื่อนรักกับมาโผล่หน้าที่ปราสาทของเธอเมื่อสองสาวพบหน้ากันถึงกับกอดกันกลม หลังจากไม่ได้พบกันหลายปี
“ฉันยังไม่มี จะบ้าหรือ พบหน้าก็ถามถึงลูกเต้า”
“ผู้ชายที่มากับเธอสามีเธอเหรอ”
“จะบ้าเรอะยายผีทะเล นี่เพื่อนฉัน คุณเคน”
“อ้าว เห็นมาด้วยกันนึกว่าคุณเคนเป็นสามีเธอ”
“เธอไปทำอะไร ข่าวคราวเงียบหายไปเลย”
“แล้วเธอ ฉันลองสุ่มมาดูที่บ้านเก่าของเธอที่เคยนำฉันมาพัก ฉันไม่นึกเลยว่าเธอยังคงอาศัยอยู่ เราไม่ได้เจอกันหลายปี ฉันนึกว่าเธอย้ายบ้านแล้ว” พลโทหญิงโคลเอ้บอกกับแคลร์
“ฉันไม่ได้ไปไหน บ้านเมืองวุ่นวายขนาดนี้ โจรก็ชุม ฉันวัน ๆ ก็อยู่ในบ้าน มีคนรับใช้เก่าแก่ตั้งแต่รุ่นพ่อฉันคอยดูแล เลยไม่มีใครกล้ามายุ่งกับฉัน
“ฉันอยู่ว่าง ๆ เลยให้แม่บ้านช่วยกันทำขนม ชูอาลาเครม์ ออกขายแก้เซ็ง
“เธอเอาขนมไปขายที่ไหนในเมื่อคนไม่มีเงิน ยากจน” พลโทหญิงโคลเอ้ถามด้วยความสงสัย เศรษฐกิจตกต่ำ คนยากจน ขโมยไข่ถูก กิโยตินบั่นคอใครจะมีเงินมาซื้อขนม ชูอาลาเครม์ ของเพื่อนหล่อน
“โอ๊ยขายดี มีคนสั่งจองเยอะเลย ทำแทบไม่ทัน” แคลร์บอกกับโคลเอ้และบักเคน
“เธอว่าอะไรน่ะเศรษฐกิจแบบนี้ขนมเธอขายดี” พลโทหญิงโคลเอ้ถึงกับสงสัย ส่วนบักเคนถึงกับมึนตึ๊บ เศรษฐกิจตกต่ำ ขนาดมันฝรั่ง ข้าวสาลีชาวบ้านยังแทบไม่พอกิน เพราะราคาแพงมาก แล้วทำไม่ครอบครัวของแคลร์ถึงมีวัตถุดิบมาผลิตขนม ชูอาลาเครม์ ออกจำหน่ายและใครผู้ซื้อ
“ขนม ชูอาลาเครม์ คือขนมอะไร” บักเคนเพิ่งเคยได้ยินและสงสัยมันขนมอะไรถึงขายได้ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำขนาดนี้
“คุณเคนล้อเล่นน่า คุณเคนไม่รู้จักขนม ชูอาลาเครม์ เป็นไปได้อย่างไร” พลโทหญิงโคลเอ้ถามบักเคนด้วยความสงสัย
“ผมไม่ทราบจริง ผมทราบแต่ขนมเอแคลร์ ชื่อคล้ายคุณแคลร์ ผมเคยกินที่สยาม เป็นขนมที่ผมชอบ” บักเคนบอกกับพลโทหญิงโคลเอ้
นี่เธอเดี๋ยวฉันขอตัวไปเอาขนม ชูอาลาเครม์ มาให้คุณเคนชิมหน่อย” แคลร์บอกกับพลโทหญิงโคลเอ้