บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 300)
by admin · กรกฎาคม 28, 2021
บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 ตอนที่ (300)
“เร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม” เสียงร้องบอกคนขับรถม้าของโจเซฟิน
“เร่งเต็มที่แล้วครับนายหญิง อาจจะต้องค้างคืนอีกคืนหนึ่ง” คนขับรถม้าบอกกับโจเซฟิน
“ถ้าไม่พักค้างคืนจะได้ไหม” โจเซฟินถามคนขับรถม้า
“ม้าเหนื่อยจากการเดินทางและเดินทางกลางคืนก็อันตราย จากโจรผู้ร้ายชุกชุม”คนขับรถม้าบอกกับโจเซฟิน
เฮ้อ! ฉันก็ร้อนใจอยากไปพบนโปเลียนเร็ว ๆ พรุ่งนี้ออกแต่เช้ามืด”
*****************************
“นายน้ำชา” รัสตัมชงน้ำชาให้กับนโปเลียนที่ตื่นเช้ามานั่งจุดเทียนอ่านหนังสือ
“ขอบใจรัสตัม” รัสตัมหลังจากชงน้ำชาให้กับนโปเลียนเสร็จเรียบร้อยก็ไปคอยยืนอารักขาอยู่หน้าห้อง ลูเซียงได้เดินทางมาพบกับนโปเลียนตั้งแต่เช้ามืด ได้เปิดประตูบ้านเข้ามาก็เห็นรัสตัมนั่งกำลังทำความสะอาดปืนพก
“สวัสดีรัสตัม” ลูเซียงเอ่ยปากทักทายเมื่อเห็นรัสตัมกำลังทำความสะอาดปืนพก
“พี่นโปเลียนตื่นยัง” ลูเซียงถามรัสตัม”
“นายท่านตื่นแต่เช้ามาอ่านหนังสือ” รัสตัมบอกกับลูเซียง
“พี่นโปเลียน ขยันตั้งแต่เด็ก ชอบอ่านหนังสือ ไปโรงเรียนทหารก็อ่านหนังสือตลอดไม่ได้ขาด” ลูเซียงบอกกับรัสตัม
“นายท่านเป็นคนขยันอ่าน มีความรอบรู้มากครับท่านลูเซียง”
“เดี่ยวผมจะขอเข้าไปคุยกับพี่นโปเลียน”
“เชิญครับ”
ลูเซียงได้เปิดประตูห้องเข้าไป เสียงเปิดประตูห้องทำให้นโปเลียนละสายตาจากหนังสือและมองมายังประตู
“มีอะไรรัสตัม” นโปเลียนถามในขณะที่ประตูเปิด และคนที่เปิดประตูไม่ใช่รัสตัมแต่เป็นลูเซียง
“อ้าวน้องตื่นแต่เช้าเหมือนกันนี่” นโปเลียนเอ่ยปากทักลูเซียง
“พี่ก็ขยันเหมือนเดิม พี่อ่านหนังสืออะไรครับ” ลูเซียงถามนโปเลียน
ตำราพิชัยยุทธ์หานเฟยจื้อ และแนวคิดมงเตสกิเออร์”นโปเลียนบอกกับลูเซียง
“น่าสนใจพี่อ่านแนวคิดของตะวันออก ใช่เป็นคนจีนไหม” ลูเซียง ถามนโปเลียน
“ใช่แนวคิดของหานเฟยจื้อ ให้ความสำคัญกับกฎหมาย เพราะมนุษย์มีธรรมชาติที่ชั่วร้าย หลักการด้านศีลธรรมและจารีตประเพณีเป็นวิธีการที่อ่อนแอ ผู้ปกครองไม่สามารถนำคุณธรรมมาใช้ควบคุมให้สังคมมีระเบียบวินัยได้ แต่สิ่งที่หานเฟยจื้อเชื่อว่าจะรักษาระเบียบวินัยได้คือการควบคุมและลงโทษ ตามกฏหมาย รัฐใดที่เชิดชูคุณธรรมจะนำความยุ่งเหยิง วุ่นวายมาสู่รัฐ ความเป็นบุคคลต้องแยกออกจาก สภาพสาธารณะ เพราะความคิดส่วนบุคคลจะขัดแย้งกับสภาพสาธารณะ สภาพสังคมฝรั่งเศส ที่แตกต่างกันในแต่ละผู้ปกครองไม่อาจจะใช้วิธีเดียวกันมาจัดการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการและมีเป้าหมายควบคุมทางการเมืองผ่านทางกฏหมายไม่ใช่คุณธรรม ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ที่บ้านเมืองมีปัญหาเพราะมีแต่คนยากจน เสียภาษี ขุนนาง นักบวช ไม่ต้องเสียภาษีและชาวบ้านนอกจากจ่ายภาษีแล้วแล้วจ่ายเงินบำรุงให้ศาสนจักรด้วย คือต้นเหตุแห่งปัญหาความยากจนและความวุ่นวายของฝรั่งเศส นอกจากนี้กฎหมายก็แล้วแต่ผู้มีอำนาจไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว อยากจะประหารใครด้วยกิโยตินก็ประหาร ไม่มีหลักเกณฑ์อาศัยหลักจารีตประเพณี ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม นโปเลียนอธิบายให้ลูเซียงเข้าใจ
“ลึกซึ้งยิ่งนักแนวคิดของหานเฟยจื้อที่พี่อ่าน
“ตราบใดที่คนศรัทธาในองค์กษัตริย์โดยไม่ลืมหูลืมตา ไม่ดูความประพฤติ ของกษัตริย์เช่นพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ประพฤติตัวเหมาะสมกับการเป็นองค์กษัตริย์ในการปกครองหรือไม่ และใครยังยึดมั่นแนวคิดในการปกครองในอดีตจะเป็นอุปสรรคขัดขวางความคิดใหม่และความเจริญก้าวหน้า” นโปเลียนบอกกับลูเซียงถึงแนวคิดที่ตนได้อ่านจากหนังสือหานเฟยจื้อ
“ทำไมพี่ต้องอ่านแนวคิดของมงเตสกิเออร์ด้วย” แนวคิดของคนฝรั่งเศสมีอะไรโดดเด่น” ลูเซียงถามนโปเลียน
“มงเตสกิเออร์ก็อยู่ในยุคสมัยของพวกเราแนวคิดเป็นการถ่วงดุลอำนาจอย่าให้อำนาจอยู่ในมือคนเดียวหรือคณะเดียว เช่นคณะกรรมการดิเร็กตัวร์ กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ต้องถ่วงดุลระหว่างคณะกรรมการดิเร็กตัวร์ ขุนนาง และประชาชนที่เลือกผู้แทนเป็นตัวแทนประชาชนแต่สิ่งที่เกิดขึ้นของประเทศฝรั่งเศส คณะกรรมการดิเร็กตัวร์มีอำนาจสิทธิขาดทุกอย่างเพราะมีทหารหนุนหลังและสภาสูงก็มาจากคณะกรรมการดิเร็กตัวร์เป็นผู้เลือกเข้ามา การจัดทำงบประมาณต้องผ่านสภาสูง ไม่ใช่สภาล่าง ก็ทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงปล้นเงินเดือนจำนวนมาก แต่ทางโรแบสปิแยร์ หนึ่งในคณะกรรมการดิเร็กตัวร์ไม่สนใจจะสั่งให้สืบข่าวว่าใครเป็นคนปล้นเงินเช่นเหตุการณ์ที่ ไคร์ เบลเยี่ยมและฮอล์แลนด์ แต่มุ่งไปที่สนธิสัญญาบาเซิลมากกว่า เพื่อกลบข่าวเพราะคนที่สั่งปล้นก็คือคณะกรรมกาดิเร็กตัวร์” นโปเลียนบอกกับลูเซียง เหมือนที่เคยเล่าให้บักเคนกับจอมพลมีโน่ฟังตอนเดินทางกลับฝรั่งเศส
“ข่าวคราวเชิงลึกพี่ทราบได้อย่างไร” ลูเซียงถามด้วยความสงสัย
“อย่าลืมซิน้องพี่เป็นทหาร พี่มีสายข่าวแจ้งให้พี่ทราบ” นโปเลียนบอกกับลูเซียง
“น่าสนใจ ไว้โอกาสหน้าพี่ค่อยเล่าข้อมูลลึกๆ ให้ผมฟังที่ผมรีบมาหาพี่ตอนเช้า เพราะได้ทราบข่าวสภาจะเปิดประชุมในสัปดาห์หน้า ผมจะต้องไปประชุม มันมีหลายเรื่อง ผมอยากให้พี่ไปคุยกับนายพลมูแลง”
“ท่านนายพลมูแลง คนนี้พี่จำได้พี่เคยมอบดาบให้เป็นที่ระลึกเมื่อครั้งที่พี่เข้ามาประจำการที่ปารีสใหม่ๆ มันนานแล้วไม่รู้ท่านนายพล นายพลมูแลงจะจำพี่ได้ไหม” นโปเลียนบอกกับลูเซียง
“พี่โด่งดังทั่วประเทศขนาดนี้ ทำไมท่านนายพลมูแลงจะจำไม่ได้ ผมว่าท่านนายพลมูแลงอยากจะสนิทสนมกับพี่มากกว่า นอกจากนี้ที่บ้านจะมีคนแวะเวียนมาเยี่ยมพี่แทบไม่ขาด” ลูเซียงบอกกับนโปเลียน
“ เพราะเหตุใด” นโปเลียนถามลูเซียง
“หลายกลุ่มการเมืองอยากจะให้พี่เข้าไปอยู่ในกลุ่มด้วย เช่น กลุ่มลามงตาญ กลุ่มจีรองแดงส์ กลุ่มพิทักษ์ราชบัลลังค์ พี่คอยดูหลายกลุ่มจะมาขอพบพี่ตลอด” ลูเซียงบอกกับนโปเลียน ด้วยความเจนจัดทางการเมืองของลูเซียง
“ผมอยากให้พี่เปิดกว้างทุกกลุ่มเข้าพบพี่ได้ และผมอยากให้พี่พูดบอกกับทุกกลุ่ม ให้ทุกกลุ่มสนับสนุนผมให้เป็นประธานสภา 500” ลูเซียงบอกกับนโปเลียน
“ส่วนในรายละเอียดพี่คุยเบื้องต้นก่อนไปก่อนถ้ากลุ่มในตกลง ผมจะไปคุยในรายละเอียดทีหลัง” ลูเซียงบอกกับนโปเลียน