บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 300)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 ตอนที่ (300)

       “เร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม” เสียงร้องบอกคนขับรถม้าของโจเซฟิน

“เร่งเต็มที่แล้วครับนายหญิง อาจจะต้องค้างคืนอีกคืนหนึ่ง” คนขับรถม้าบอกกับโจเซฟิน

       “ถ้าไม่พักค้างคืนจะได้ไหม” โจเซฟินถามคนขับรถม้า

       “ม้าเหนื่อยจากการเดินทางและเดินทางกลางคืนก็อันตราย จากโจรผู้ร้ายชุกชุม”คนขับรถม้าบอกกับโจเซฟิน

       เฮ้อ!  ฉันก็ร้อนใจอยากไปพบนโปเลียนเร็ว ๆ พรุ่งนี้ออกแต่เช้ามืด”

 

          *****************************

 

“นายน้ำชา” รัสตัมชงน้ำชาให้กับนโปเลียนที่ตื่นเช้ามานั่งจุดเทียนอ่านหนังสือ

       “ขอบใจรัสตัม” รัสตัมหลังจากชงน้ำชาให้กับนโปเลียนเสร็จเรียบร้อยก็ไปคอยยืนอารักขาอยู่หน้าห้อง  ลูเซียงได้เดินทางมาพบกับนโปเลียนตั้งแต่เช้ามืด ได้เปิดประตูบ้านเข้ามาก็เห็นรัสตัมนั่งกำลังทำความสะอาดปืนพก

       “สวัสดีรัสตัม” ลูเซียงเอ่ยปากทักทายเมื่อเห็นรัสตัมกำลังทำความสะอาดปืนพก

       “พี่นโปเลียนตื่นยัง” ลูเซียงถามรัสตัม”

       “นายท่านตื่นแต่เช้ามาอ่านหนังสือ” รัสตัมบอกกับลูเซียง

       “พี่นโปเลียน ขยันตั้งแต่เด็ก ชอบอ่านหนังสือ ไปโรงเรียนทหารก็อ่านหนังสือตลอดไม่ได้ขาด” ลูเซียงบอกกับรัสตัม

“นายท่านเป็นคนขยันอ่าน มีความรอบรู้มากครับท่านลูเซียง”

       “เดี่ยวผมจะขอเข้าไปคุยกับพี่นโปเลียน”

       “เชิญครับ”

       ลูเซียงได้เปิดประตูห้องเข้าไป เสียงเปิดประตูห้องทำให้นโปเลียนละสายตาจากหนังสือและมองมายังประตู

       “มีอะไรรัสตัม” นโปเลียนถามในขณะที่ประตูเปิด และคนที่เปิดประตูไม่ใช่รัสตัมแต่เป็นลูเซียง

       “อ้าวน้องตื่นแต่เช้าเหมือนกันนี่” นโปเลียนเอ่ยปากทักลูเซียง

       “พี่ก็ขยันเหมือนเดิม พี่อ่านหนังสืออะไรครับ” ลูเซียงถามนโปเลียน

       ตำราพิชัยยุทธ์หานเฟยจื้อ และแนวคิดมงเตสกิเออร์”นโปเลียนบอกกับลูเซียง

       “น่าสนใจพี่อ่านแนวคิดของตะวันออก ใช่เป็นคนจีนไหม” ลูเซียง ถามนโปเลียน

       “ใช่แนวคิดของหานเฟยจื้อ ให้ความสำคัญกับกฎหมาย เพราะมนุษย์มีธรรมชาติที่ชั่วร้าย หลักการด้านศีลธรรมและจารีตประเพณีเป็นวิธีการที่อ่อนแอ ผู้ปกครองไม่สามารถนำคุณธรรมมาใช้ควบคุมให้สังคมมีระเบียบวินัยได้ แต่สิ่งที่หานเฟยจื้อเชื่อว่าจะรักษาระเบียบวินัยได้คือการควบคุมและลงโทษ ตามกฏหมาย รัฐใดที่เชิดชูคุณธรรมจะนำความยุ่งเหยิง วุ่นวายมาสู่รัฐ ความเป็นบุคคลต้องแยกออกจาก สภาพสาธารณะ เพราะความคิดส่วนบุคคลจะขัดแย้งกับสภาพสาธารณะ สภาพสังคมฝรั่งเศส ที่แตกต่างกันในแต่ละผู้ปกครองไม่อาจจะใช้วิธีเดียวกันมาจัดการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการและมีเป้าหมายควบคุมทางการเมืองผ่านทางกฏหมายไม่ใช่คุณธรรม ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ที่บ้านเมืองมีปัญหาเพราะมีแต่คนยากจน เสียภาษี ขุนนาง นักบวช ไม่ต้องเสียภาษีและชาวบ้านนอกจากจ่ายภาษีแล้วแล้วจ่ายเงินบำรุงให้ศาสนจักรด้วย คือต้นเหตุแห่งปัญหาความยากจนและความวุ่นวายของฝรั่งเศส นอกจากนี้กฎหมายก็แล้วแต่ผู้มีอำนาจไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว อยากจะประหารใครด้วยกิโยตินก็ประหาร ไม่มีหลักเกณฑ์อาศัยหลักจารีตประเพณี ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม นโปเลียนอธิบายให้ลูเซียงเข้าใจ

       “ลึกซึ้งยิ่งนักแนวคิดของหานเฟยจื้อที่พี่อ่าน

       “ตราบใดที่คนศรัทธาในองค์กษัตริย์โดยไม่ลืมหูลืมตา ไม่ดูความประพฤติ ของกษัตริย์เช่นพระเจ้าหลุยส์ที่ 16  ประพฤติตัวเหมาะสมกับการเป็นองค์กษัตริย์ในการปกครองหรือไม่ และใครยังยึดมั่นแนวคิดในการปกครองในอดีตจะเป็นอุปสรรคขัดขวางความคิดใหม่และความเจริญก้าวหน้า” นโปเลียนบอกกับลูเซียงถึงแนวคิดที่ตนได้อ่านจากหนังสือหานเฟยจื้อ

       “ทำไมพี่ต้องอ่านแนวคิดของมงเตสกิเออร์ด้วย” แนวคิดของคนฝรั่งเศสมีอะไรโดดเด่น” ลูเซียงถามนโปเลียน

       “มงเตสกิเออร์ก็อยู่ในยุคสมัยของพวกเราแนวคิดเป็นการถ่วงดุลอำนาจอย่าให้อำนาจอยู่ในมือคนเดียวหรือคณะเดียว เช่นคณะกรรมการดิเร็กตัวร์ กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ต้องถ่วงดุลระหว่างคณะกรรมการดิเร็กตัวร์ ขุนนาง และประชาชนที่เลือกผู้แทนเป็นตัวแทนประชาชนแต่สิ่งที่เกิดขึ้นของประเทศฝรั่งเศส คณะกรรมการดิเร็กตัวร์มีอำนาจสิทธิขาดทุกอย่างเพราะมีทหารหนุนหลังและสภาสูงก็มาจากคณะกรรมการดิเร็กตัวร์เป็นผู้เลือกเข้ามา การจัดทำงบประมาณต้องผ่านสภาสูง ไม่ใช่สภาล่าง ก็ทุจริตคอรัปชั่น  รวมถึงปล้นเงินเดือนจำนวนมาก แต่ทางโรแบสปิแยร์ หนึ่งในคณะกรรมการดิเร็กตัวร์ไม่สนใจจะสั่งให้สืบข่าวว่าใครเป็นคนปล้นเงินเช่นเหตุการณ์ที่ ไคร์ เบลเยี่ยมและฮอล์แลนด์ แต่มุ่งไปที่สนธิสัญญาบาเซิลมากกว่า เพื่อกลบข่าวเพราะคนที่สั่งปล้นก็คือคณะกรรมกาดิเร็กตัวร์” นโปเลียนบอกกับลูเซียง เหมือนที่เคยเล่าให้บักเคนกับจอมพลมีโน่ฟังตอนเดินทางกลับฝรั่งเศส

“ข่าวคราวเชิงลึกพี่ทราบได้อย่างไร” ลูเซียงถามด้วยความสงสัย

“อย่าลืมซิน้องพี่เป็นทหาร พี่มีสายข่าวแจ้งให้พี่ทราบ” นโปเลียนบอกกับลูเซียง

“น่าสนใจ ไว้โอกาสหน้าพี่ค่อยเล่าข้อมูลลึกๆ ให้ผมฟังที่ผมรีบมาหาพี่ตอนเช้า เพราะได้ทราบข่าวสภาจะเปิดประชุมในสัปดาห์หน้า ผมจะต้องไปประชุม มันมีหลายเรื่อง ผมอยากให้พี่ไปคุยกับนายพลมูแลง”

       “ท่านนายพลมูแลง คนนี้พี่จำได้พี่เคยมอบดาบให้เป็นที่ระลึกเมื่อครั้งที่พี่เข้ามาประจำการที่ปารีสใหม่ๆ  มันนานแล้วไม่รู้ท่านนายพล นายพลมูแลงจะจำพี่ได้ไหม” นโปเลียนบอกกับลูเซียง

       “พี่โด่งดังทั่วประเทศขนาดนี้ ทำไมท่านนายพลมูแลงจะจำไม่ได้ ผมว่าท่านนายพลมูแลงอยากจะสนิทสนมกับพี่มากกว่า นอกจากนี้ที่บ้านจะมีคนแวะเวียนมาเยี่ยมพี่แทบไม่ขาด” ลูเซียงบอกกับนโปเลียน

       “ เพราะเหตุใด” นโปเลียนถามลูเซียง

       “หลายกลุ่มการเมืองอยากจะให้พี่เข้าไปอยู่ในกลุ่มด้วย เช่น กลุ่มลามงตาญ กลุ่มจีรองแดงส์ กลุ่มพิทักษ์ราชบัลลังค์ พี่คอยดูหลายกลุ่มจะมาขอพบพี่ตลอด” ลูเซียงบอกกับนโปเลียน ด้วยความเจนจัดทางการเมืองของลูเซียง

       “ผมอยากให้พี่เปิดกว้างทุกกลุ่มเข้าพบพี่ได้ และผมอยากให้พี่พูดบอกกับทุกกลุ่ม ให้ทุกกลุ่มสนับสนุนผมให้เป็นประธานสภา 500” ลูเซียงบอกกับนโปเลียน

        “ส่วนในรายละเอียดพี่คุยเบื้องต้นก่อนไปก่อนถ้ากลุ่มในตกลง ผมจะไปคุยในรายละเอียดทีหลัง” ลูเซียงบอกกับนโปเลียน

You may also like...