บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 2)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 2)
อากาศเย็น เสียงไก่ขัน แว่วมาจากชายป่า ชานกรุงปารีส บักเคนตื่นตั้งแต่เช้าเมื่อได้ยินไก่ขัน บักเคนลงมาจากชั้นสอง ของปราสาทของท่านมงเตสกิเออ แสงตะเกียงวับ ๆ แวม ๆ บักเคนมองเห็น มงเตสกิเออ กำลังนั่งเขียนหนังสืออยู่บนโต๊ะ
“อรุณสวัสดิ์ครับท่าน มงเตสกิเออ” บักเคนกล่าวทักทาย
“เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม คุณเคน” มงเตสกิเออกล่าวทักทายเช่นเดียวกัน
“ก็หลับสบายครับท่าน แล้วท่านกำลังเขียนอะไรครับ” บักเคนถามมงเตสกิเออ ซึ่งมงเตสกิเออได้บอกบักเคนว่า “กำลังเขียนหนังสือเเกี่ยวกับสิทธิบนพื้นฐานการปกครอง ที่เท่าเทียมกัน เคารพกฎหมายเท่าเทียมกัน”
“น่าสนใจครับท่าน ไหนลองอธิบายสิ่งที่ท่านเขียนให้ผมฟังหน่อยครับ” บักเคนกล่าวตอบ
“อ๋อได้ซิ บ้านเมืองไม่วุ่นวายเพราะยึดหลักกฎหมายเป็นกติกาสูงสุด ในบ้านเมืองของท่านคงเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ประเทศฝรั่งเศสก็ยึดหลักกฎหมาย ส่วนที่อังกฤษบ้านเพื่อนสนิทของข้า โทมัส ฮอบ ก็ใช้หลักจารีตประเพณี เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับ” มงเตสกิเออได้กล่าวตอบบักเคน
“แต่สิ่งที่ท่านถามเราก่อนหน้านี้และได้ตอบไปแล้ว อะไรเป็นสิ่งสูงสุดในการปกครองบ้านเมืองท่าน สิ่งที่คุณเคนเรียกกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ทุกคนต้องเคารพในสิทธิของเพื่อนร่วมชาติ ไม่มีแบ่งแยกชนชั้นกลางและชนชั้นสูงได้ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ในความคิดของผมนะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด แล้วคุณเคนสงสัยอะไรอีกไหม” มงเตสกิเออ ถามบักเคน
“ครับท่านการที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีเกินอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ และไม่มีการถ่วงดุลอำนาจผลจะเป็นอย่างไรครับท่าน” บักเคนถามมงเตสกิเออ
“คุณเคน ความวุ่นวายจะกลับมากอีก การที่ไม่มีการถ่วงดุลอำนาจ โดยเฉพาะหลักความเสมอภาคทางการเมือง สำหรับผมคิดว่าตอนนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมไทย ถ้าทุกองค์กรไม่ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายหรือทำหน้าที่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือก้าวล่วงอำนาจขององค์กรอื่น ไม่ว่าจะมีรัฐธรรมนูญอีกกี่ฉบับหรือออกแบบระบบการเมืองให้ดีอย่างไร แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าเพื่อนร่วมชาติของท่านไม่มีความเสมอภาคทางการเมือง บ้านเมืองก็คงมีแต่ความวุ่นวายการชี้นำโดยปัญญาชนหรือชนชั้นสูงบางกลุ่มว่า คนไม่มีปริญญาไม่มีความรู้มีสิทธิมีเสียงไม่เท่ากับคนที่มีความรู้ บ่งบอกว่าสังคมไทยของท่านเป็นสังคมที่มีสำนึกทางชนชั้นอย่างเข้มข้นแบ่งแยก ชนชั้นชัดเจน การที่คน ในสังคมของท่านยกย่องคนดี ว่าคนดีของคนอีกกลุ่มหนึ่งต้องขัดขวางให้คนอีกกลุ่มไม่ให้ไปเลือกตั้ง คนไม่ไปเลือกตั้งถึงจะเป็นคนดี เราสงสัยว่าคนดีในสังคมของท่าน หมายถึงอะไรกันคุณเคน”
ผมก็ยังสงสัยครับท่านมงเตสกิเออ คนดีในสังคมบ้านผมคือคนรวยมั๊งครับท่าน เพราะคนรวยทำอะไรไม่ค่อยผิด ไม่ติดคุก ส่วนคนจนก็ติดคุก คนดีขัดขวางเลือกตั้งได้ไม่ติดคุก” บักเคนกล่าวตอบ
มงเตสกิเออ ได้กล่าวต่อไป “คนดีต้องมีศีลธรรม และศีลธรรมที่ถูกต้อง ต้องเป็นประชาธิปไตย ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน คนจน คนรวยทำผิดต้องรับโทษด้วยกฎหมายฉบับเดียวกัน ทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่ากัน ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องไม่มีการแบ่งแยกข้าก็สงสัยอดีตผู้นำของท่าน ที่ชื่ออภิสิทธิ์ มีสิทธิอะไรไม่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย หรือเพราะชื่ออภิสิทธิ์ ที่มีสิทธิเหนือคนอื่นหรือคุณเคน”
“ผมก็ไม่ทราบครับท่าน ก็ยังงงอยู่ครับท่าน แล้วคนดี คนโง่ คนจน มีสิทธิเท่าเทียมกันไหมครับ” แต่ในสังคมบ้านคุณเคน ผมว่าต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าใครชื่ออภิสิทธิ์จะมีสิทธิเหนือคนอื่นหรือไม่ เมื่อชื่อนั้นมีสิทธิเหนือกว่าคนอื่น โลกความเป็นจริงนะคุณเคน คนทุกคนไม่มีใครคิดเห็นตรงกันทุกเรื่อง ประชาธิปไตยเปิดโอกาสให้เราสลับเป็นเสียงส่วนใหญ่หรือเสียงส่วนน้อยได้ไม่มีเสียงที่ครอบงำสังคมไปตลอดกาล ในแง่นี้สังคมทุกสังคม ไม่ว่าฝรั่งเศสหรือไทย จึงต้องการประชาธิปไตย ไม่ใช่เพราะประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ แต่เพราะเป็นการปกครองที่เหมาะที่สุดกับคนทุกคน ยากดีมีจน คนมีความรู้คนไม่มีความรู้ ที่คิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องผลประโยชน์ หรือเรื่องต่างๆ รวมกระทั่งความดีงาม ประชาธิปไตยตั้งต้นมาจากความเชื่อที่ว่า ประชาธิปไตยไม่มีใครผูกขาดความดีงาม และไม่มีใครควรมีสิทธิ์ยัดเยียดหลักศีลธรรมให้คนอื่น แต่ควรเปิดพื้นที่ให้แก่ความเห็นต่าง ในเรื่องความดี ความงาม และความจริง โดยไม่ชี้หน้าถามว่าคนที่มีความคิดเห็นต่าง แล้วไปถามคุณรักชาติหรือเปล่า นอกจากนี้ประชาธิปไตย ไม่ได้ไม่ต้องการหรือต่อต้านศีลธรรม แต่ศีลธรรมหรือความดีงาม ต้องถูกทำให้เป็นเรื่องที่เถียงได้ เพราะไม่ได้มีความหมายเดียว ศีลธรรมจึงต้องถูกทำให้มีประชาธิปไตยด้วย คงพอเข้าใจนะคุณเคน”
“ครับท่าน” บักเคนกล่าวตอบ
มงเตสกิเออได้กล่าวชวนบักเคนให้ทานอาหารเช้าก่อนแล้วคุยกันใหม่ ในเรื่องความคิดทางการเมือง