บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 043)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 43)

เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ขึ้นครองราชย์ พระนางมารี อังตัวเนตเอง พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะให้พระสวามีของพระนางหันมาสนใจพระนางบ้าง แต่พระสวามีของกลับไม่กระตือรือร้นกับสิ่งที่ทุกคนคาดหวังแต่อย่างใด นอกจากเรื่องของการให้กำเนิดรัชทายาทแล้ว พระนางยังต้องเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายในราชสำนักที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน พระนางต้องพบกับสังคมชั้นสูง ที่วัน ๆ  เล่นพนัน แต่งตัวหรูหราฟู่ฟ่า ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยและนินทากัน ส่วนมาดามดูบาร์รี ก็หายตัวลึกลับจากพระราชวัง

พระราชวังแวร์ซายส์ อันใหญ่โต ผู้คนอยู่แทบทุกตารางนิ้วของวัง แต่สิ่งที่พระนางมารี อังตัวเนต สัมผัสได้ก็คือ ความเหงา  วันแรกที่พระนางแต่งงานเป็นพระชายาเจ้าชายแห่งฝรั่งเศส  พระนางต้องพยายามเปลี่ยนชุดให้เป็นชาวฝรั่งเศส พยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ใหม่ ผู้คนใหม่ ๆ โดยเฉพาะกับพระสวามี แต่ตัวพระสวามีกลับสร้างกำแพงเพื่อกั้นนางออกไป เพราะความห่างเหินของพระสวามี นางเลยใช้ชีวิตอย่างหรูหราและฟุ่มเฟือย โดยหวังว่ามันจะช่วยเติมเต็มเธอได้ แต่อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย พระนางมารี อังตัวเนต ทรงโปรดภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ รูปพระสาทิสลักษณ์ของพระนางมารี อังตัวเนต กับดอกกุหลาบทรงพระองค์แบบสามัญชน ทรงมีพระทัยอยากเป็นสามัญชน แต่สวรรค์ได้ลิขิตเส้นทางให้พระนางต้องเดินไปตามที่สวรรค์กำหนดโชคชะตาฟ้าลิขิต

พระนางทรงโปรดภาพนี้มากที่สุดในชีวิต ทำให้พระนางได้รับการกล่าวขานว่า กุหลาบแห่งแวร์ซายส์ วันเวลาผ่านเหมือนกับสายน้ำ พระนางมารีอังตัวเนตใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย การเป็นพระราชินีทั้ง ๆ ที่เป็นยังเป็นวัยรุ่นอยู่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย ความเอาแต่ใจเล็ก ๆ ของพระนาง ทั้งวังส่วนตัวและสวนส่วนตัวของพระนาง กระทั่งการแสดงโอเปร่าของตนเอง ที่บ่อยครั้งพระนางแสดงให้ขุนนางและนางสนมกำนัลได้ชม เป็นการชดเชยความเหงาของพระนางมารี อังตัวเนต ทั้งที่พระนางทรงเป็นวัยรุ่นอยู่ แต่กลับถูกบังคับให้แต่งงานและขึ้นเป็นพระราชินีอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้ง ๆ ที่ตัวนางเองอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น  

ข่าวลือในราชสำนักฝรั่งเศสว่าเจ้าชายรัชทายาท พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงเป็นชายหนุ่มที่เฉื่อยชา เชื่องช้า เสวยจุ ชอบบรรทม และไม่มีเซ็กซ์กับเจ้าหญิงมารี อังตัวเนต และข่าวลือออกมามากมายว่าพระนางมารี อังตัวเนต ได้ทรงเกลี้ยกล่อมเจ้าชายหรือพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ให้พระสวามีผ่าตัดรักษาสมรรถภาพทางเพศได้สำเร็จ ข่าวได้ดังไปทั่วพระราชวังแวร์ซายส์ ทำให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงไม่ร่วมเตียงกับพระนางมารี อังตัวเนต อีกเลย

รุ่งเช้าขุนนางเอ็มมาโรเอล คนสนิทของพระนางมารี อังตัวเนต ได้ดูโชว์เต้นรูดเสา ที่บาร์อโกโก้ของกัปตันได้เดินทางกลับปารีส เพื่อไปกราบทูลให้พระนางมารี อังตัวเนตให้ทรงทราบว่าที่เมืองมาเซย์มีเจ้าของบาร์มีเพชรสวยที่สุดในโลก บลูไดมอนส์ หลังจากเดินทางมาหลายวัน ก็มาถึงพระราชวังแวร์ซายส์ เอ็มมา โรเอล ได้ขอเข้าเฝ้าพระนางมารี อังตัวเนต โดยมีเรื่องจะทรงกราบทูลพระนางมารี อังตัวเนต ได้บอกทหารคนสนิท ริชาร์ด ให้ไปนำตัว เอ็มมาโรเอล มาเข้าเฝ้า

“พระอาญาไม่พ้นเกล้า ข้าได้ยินเรื่องหนึ่งที่เป็นข่าวดีอย่างยิ่ง ที่พระองค์เมื่อได้รับทราบ”

“เรื่องอะไรที่จะทำให้ข้ายินดี ไหนบอกมาซิ อย่าบอกนะว่า เจ้าพบมาดามดูบาร์รี ที่หายตัวจากพระราชวัง นางไปได้ข้าก็ยินดี ข้าไม่สนว่านางจะหยิบเอาอะไรไปจากท่านปู่ ถ้าจะบอกเรื่องนี้ ก็ไม่ต้อง” พระนางมารี อังตัวเนต ตรัสกับ เอ็มมาโรเอล

“พระอาญาไม่พ้นเกล้า ข้าพระองค์ได้ยินข่าวที่คิดว่าเป็นเรื่องจริงกำลังรอการยืนยันจากทหารที่กระหม่อมส่งไปสืบพะยะค่ะ” 

“แล้วมันอะไรกัน เจ้าอย่าทำลึกลับนะ เอ็มมาโรเอล อย่านึกว่าเป็นคนสนิทข้าแล้ว พูดเล่นกับข้านะ” 

“เกล้ากระหม่อมไม่กล้าล้อเล่นพะยะค่ะ เกล้ากระหม่อมได้ยินและได้ฟังจากปากเจ้าของเพชรบลูไดมอนด์ที่สวยที่สุดในโลก มีอยู่เพียงเม็ดเดียว”

“ไหนพูดใหม่ซิ เจ้าว่าอะไรนะ”  พระนางมารี อังตัวเนต ตรัสกับ เอ็มมาโรเอล

“พระอาญามิพ้นเกล้า เกล้ากระหม่อมได้ยินว่ามีเพชรบลูไดมอนด์ สวยที่สุดในโลก อยู่ที่เมืองมาเซย์ เป็นของกัปตันเรือเก่าแต่เปลี่ยนอาชีพเป็นเจ้าของบาร์อโกโก้พะยะค่ะ”

“ถ้าจริง เจ้ารีบไปบอกให้เจ้าของบาร์มาพบข้าที่พระราชวัง แวร์ซายส์ โดยเร็ว” พระนางมารี อังตัวเนต ตรัสกับเอ็มมาโรเอล

“พะยะค่ะ กระหม่อมจะรีบดำเนินการ” เอ็มมาโรเอล กราบทูลพระนางมารี อังตัวเนต แล้วก็กราบทูลลา เพื่อกลับปราสาทของตน

โรแบสปิแยร์ได้สนทนากับปิแอร์ โดยปิแอร์ได้บอกบิดาถึงเรื่องที่ตนยินดีรับบักเคนเข้าเป็นสมาชิกสมทบสมาคมฟรีเมสันเพราะบักเคนเป็นคนรักในความยุติธรรม ชอบสายลมแสงแดด เกลียดการดูถูกเหยียดหยามคนจน และเป็นคนที่มีความคิดดี ๆ   ในหลายเรื่อง เป็นความคิดแปลกใหม่ที่ตนเองศรัทธาและทึ่งในตัวบักเคน จึงอยากให้บักเคนเข้าร่วมขบวนการ โรแบสปิแยร์ซึ่งเป็นทนายความปากกล้าก็มีความยินดี และต้อนรับบักเคนเข้าร่วมขบวนการฟรีเมสัน

“วันพรุ่งนี้พ่อจะไปประชุมร่วมกับโซฟี ที่ปราสาทร้าง นอกเมือง เจ้ากับบักเคนให้ติดตามข้าไป ข้าจะแนะนำให้รู้จักกับโซฟี นางเป็นหญิงที่มีอุดมการณ์อันแรงกล้า ที่จะปลดแอกความไม่เป็นธรรมในสังคม นางได้ปลุกพลังของชาวนา ชาวไร่ในหลาย ๆเมือง ให้ทำการต่อต้าน การเก็บภาษีของศาสนจักรและชนชั้นสูง รวมถึงการที่นางไม่ยอมรับการตัดสินของขุนนาง ที่กล่าวหาว่านางเป็นกบฏ ซึ่งนางได้หลบหนีการจับกุมไปอยู่ร่วมกับชาวบ้านในชนบทและนางก็ออกมาเคลี่อนไหวในเมืองร่วมกับสมาชิกสมาคม”    โรแบสปิแยร์ บอกปิแอร์และบักเคน

รุ่งขึ้นโรแบสปิแยร์ ปิแอร์ และบักเคนได้เดินทางออกนอก   ตัวเมืองไปยังปราสาทร้าง เดินผ่านไร่นาที่ประสบกับภัยพิบัติจากลูกเห็บตกเมื่อหลายวันก่อน ชาวไร่ชาวนาที่ทุกข์ยากอยู่แล้ว ลูกเห็บตกยิ่งเพิ่มเคราะห์เท่าทวีคูณ จากแล้งกลายเป็นหนาวติดลบโดยฉับพลัน คนยากจนพากันล้มป่วย และคนที่อยู่ในเมืองที่แออัดกัน ก็ล้มตายราวกับใบไม้ร่วง

 

ส่วนคนชนบทนอนหนาวตาย อดอาหารตาย ส่วนที่เหลือ รูปร่างผอมเหลือแต่กระดูก ดวงตาสิ้นหวัง มองไม่เห็นอนาคตในชีวิตของตน โรแบสปิแยร์มองภาพคนจนที่ตนเดินผ่านไปยังปราสาทร้างและก็นึกถึงงานเลี้ยงหรูหราในพระราชวังแวร์ซายส์ ครั้งหนึ่งโรแบสปิแยร์ได้มีโอกาสพบกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 โดยขณะนั้น โรแบสปิแยร์เป็นผู้นำถวายงานเลี้ยงต้อนรับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อังตัวเนต ที่เสด็จมาสู่นครปารีสและได้มาที่วิทยาลัยที่เขาศึกษาอยู่ โรแบสปิแยร์ ได้กราบทูลถวายการต้อนรับเป็นภาษาลาติน ต่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แต่ในขณะนั้นไม่ได้รับความสนใจจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เท่าไหร่

You may also like...