บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 128)
by admin · สิงหาคม 25, 2020
บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 128)
ห้องโถงแห่งกษัตริย์ เป็นห้องที่เก็บพระศพของฟาโรห์คูฟู ก่อนที่เราจะมุ่งสู่ ห้องโถงแห่งกษัตริย์ จะต้องผ่านช่องทางเดินเล็กๆ ขนาดกว้าง 1 เมตร สูง 1 เมตร มูซานำทุกคนที่ก้มตัวค่อยๆ เดินมาจนจนถึงห้องเก็บพระศพ ฟาโรห์
“ถึงแล้วห้องเก็บพระศพฟาโรห์” มูซาบอกกับทุกคน
เป็นห้องโถงภายในห้องมีกลิ่นอับชื้นและเย็นยะเยือก แม้ข้างนอกจะเป็นกลางวันก็ตาม ภายในห้องโล่ง ไม่มีอะไรนอกจากฐานโลงหินแกรนิต ตั้งอยู่ ส่วนโรงศพ รัฐบาลอียิปต์
“หลังจากสำรวจทุกที่ในปิรามิดเสร็จแล้วคืนนี้พวกเราจะนอนพักที่นี่” นโปเลียนบอกกับทุกคน
“อะไรนะท่าน ไหนพูดใหม่ซิท่าน”
“ผมบอกว่าคืนนี้จะนอนพักที่ห้องเก็บพระศพฟาโรห์”
“มันจะดีหรือท่านห้องเก็บศพเขาถือไม่ให้นอนที่เก็บศพมันจะหมิ่นพระเกียรติฟาโรห์นะท่าน” บักเคนพยายามบอกนโปเลียน
บูชาร์ด และมูซา หันมามองหน้ากัน ตั้งแต่เกิดมาและเข้ามาในปิรามิด มูซาไม่เคยค้างคืนในปิรามิดเลยสักครั้ง เมื่อได้ยินนโปเลียนบอกว่าจะค้างคืน มูซาถึงกับอึ้ง “อัลเลาะห์ทรงคุ้มครอง”
นโปเลียนได้ชูคบไฟและมองไปบนเพดานเพดานห้องโถงแห่งกษัตริย์ “น่าทึ่งมากสุดยอดในการออกแบบทางวิศวกรรม สมัยนี้ยังทำไม่ได้ การวางคานช่างเต็มไปด้วยเทคนิคของสถาปนิค”
มีการออกแบบห้องโถงแห่งกษัตริย์โดยด้านบนสุดวางหินเป็นคานหินเอียงเพื่อถ่ายแรงออกด้านข้าง ด้านล่างเป็นคานหินซ้อนกัน 5 ชั้น เพื่อรับน้ำหนัก หินจำนวนมหาศาลที่วางอยู่ด้านบนกว่าล้านตันเพื่อป้องกันห้องโถงแห่งกษัตริย์พังทลายลงมา
“เป็นการออกแบบด้านวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยมมากในสมัยโบราณที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า ยังทำได้ขนาดนี้” นโปเลียนบอกกับบูชาร์ด
“ใช่ครับท่าน การสร้างพระราชวังแวร์ซายส์ดูกระจอกไปเลย” บูชาร์ดบอก นโปเลียน
“ไปสำรวจต่อดีกว่า นโปเลียนบอกให้มูซา นำคณะเดินไปสำรวจยังห้องอื่น ในปิรามิด มูซานำเดินก้มตัวไปตามทางอุโมงค์แคบเดินไปสักพักทางลงก็ลาดลงสู่ห้องโถงราชินี
“ทำไมเรียกห้องโถงราชินี เพราะผมเคยอ่านดูจะไม่มีการเก็บศพ ฟาโรห์กับราชินีอยู่ในปิรามิดเดียวกัน” บูรชารด์ถามมูซา
“ไม่ทราบ เห็นเขาเรียกกันอย่างนั้น อาจจะเรียกตามช่างเพราะ สุสานผู้ชายจะมีเพดานเรียบ ส่วนสุสานผู้หญิงจะมีเพดานแบบจั่ว ท่านลองมองดูเพดานจะมีลักษณะเพดานแบบจั่วเลยเรียกห้องโถงราชินี” มูซาอธิบายตามความเข้าใจของตน
“ห้องนี้สร้างเพื่ออะไร เห็นโล่ง เมื่อก่อนมีทรัพย์สมบัติเก็บอยู่ไหม” นโปเลียนถามมูซา
“ไม่ทราบเห็นเขาลือว่าห้องนี้ใช่ประกอบพิธีศพ เพราะคนที่มาพบครั้งแรก บอกว่าที่ผนังห้องเคลือบด้วยเกลือหนา” มูซาบอกนโปเลียน “เพราะมันจะมีแท่นบูชา เป็นร่องลึกลงไปในผนัง”
“มีห้องอะไรอีกไหมมูซา”
“หมดแล้วท่าน” อย่างนั้นพวกเราก็ออกไปข้างนอกปิรามิดถึงตอนเย็นค่อยกลับเข้ามานอนค้างแรมในปิรามิดในห้องเก็บศพฟาโรห์” นโปเลียนบอกกับทุกคน
ที่อ่าวอาบูกีร์ เรือรบฝรั่งเศสจอดทอดสมอเรียงรายกันทั้งหมด สี่ร้อยลำ เป็นแนวยาว บริเวณชายหาด ทหารฝรั่งเศส นั่งพักผ่อน พูดคุยกันบริเวณชายหาด “นั่น ดูอะไรที่เส้นขอบฟ้า” ทหารนายหนึ่งบอกกับเพื่อนเมื่อสังเกตุวัตถุกำลังเคลื่อนเข้าหาฝั่ง
“เฮ้ย เรือ เรือรบ กำลังมุ่งมาที่อ่าว” ไหนเอากล้องส่องทางไกลมาส่องดูหน่อย ทหารนายหนึ่งตะโกนบอกเพื่อน เฮ้ย รีบไปรายงานท่านนายพลด่วน เมื่อกล้องจับธงเรืออังกฤษโบกสะบัดอยู่บนยอดเสา ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งไปกองบัญชาการเพื่อส่งโทรเลขแจ้งจอมพล นโปเลียนด่วน เลยว่าอังกฤษกำลังจะโจมตีแล้วให้ท่านสั่งการด่วน
นาวาเอก จอห์น ฟูโกต์ เมื่อได้รับรายงานจากทหารที่เห็นกองเรือรบอังกฤษกำลังมุ่งตรงมา ได้สั่งให้ทหารเรือทุกคนรีบขึ้นเรือ เพื่อทำการสู้รบ การใช้เวลาเตรียมตัวนานมาก เพราะทหารเรือและทหารที่อยู่ที่หาด อ่าวอาบูกีร์ ได้ทำตัวตามสบายไม่นึกว่ากองเรืออังกฤษจะบุกโจมตีเพราะไม่ทราบข่าวมาก่อน
“ท่านครับมีโทรเลขด่วนจากฐานทัพอ่าวอาบูกีร์” จ่านายสิบนายหนึ่งรายงาน พลเอกมีโนที่รักษาการณ์แทน นโปเลียน
“ว่าอะไรนะทหาร มีโทรเลขด่วน เรื่องด่วนอะไร”
“โทรเลขส่งข่าวมาว่าตอนนี้กองเรืออังกฤษกำลังจะโจมตีเรือที่ทอดสมออยู่ที่อ่าวครับผม”
“อะไรนะ กองเรืออังกฤษโจมตี รีบแจ้งไปที่อ่าวด่วนให้นำเรือรบออกไปสู้กับกองเรืออังกฤษ ให้นาวาเอก ฟูโกต์เป็นแม่ทัพ”
พลเอกมีโนรีบรายงาน “ทหารรีบไปแจ้งพลเอกกาลีเบอร์และพลเอกบอนท์ด่วน”
“ครับท่านนายพล” ทหารรีบไปแจ้งข่าว
“มีอะไรด่วนหรือท่านนายพลมีโน” พลเอกกาลีเบอร์เอ่ยปากถามพลเอกมีโน”
“พวกอังกฤษบุกโจมตีกองเรือของพวกเรา” ท่านนายพล
“งั้นสั่งการไปเลยผมจะนำทหารสองหมื่นนายไปช่วยที่อ่าว” พลเอกบอนท์ เอ่ยปากบอกสองนายพล “มีใครรายงานท่านนโปเลียนแล้วหรือยัง ท่านไปสำรวจปิรามิดอยู่
“ยังครับ งั้นก็รีบให้ทหารขี่ม้าไปแจ้งข่าวให้ท่านนโปเลียนได้ทราบว่ากองเรืออังกฤษบุกโจมตีแล้ว”
“ครับผม”
หวี๊ด บึ้ม ๆ หวี๊ด บึ้ม ๆ บึ้ม ๆ เสียงกระสุนปืนใหญ่ยิงถล่มจากกองเรืออังกฤษ ใส่เรือรบฝรั่งเศส บึ้ม …บึ้ม ควันดำโขมงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ดำทะมื่น หวี๊ด บึ้ม ๆ หวี๊ด บึ้ม ๆ บึ้ม ๆ เป็นการระดมยิงฝ่ายเดียว
ทหารเรือฝรั่งเศส กำลังเตรียมตัวต่อสู้ เรือรบที่จอดทอดสมออยู่ในอ่าว ถูกยิงจมทีละลำ พร้อมกับทหารเรือกระโดดหนีลงน้ำ “ไฟไหม้ ไฟไหม้ เรือกำลังจะจมแล้ว สละเรือ”
ส่วนเรือรบที่พร้อมแล้วเริ่มยิงปืนใหญ่สู้กับกองเรืออังกฤษ หวี๊ด บึ้ม ๆ หวี๊ด บึ้ม ๆ บึ้ม ๆ ... กระสุนปืนส่วนใหญ่จะตกน้ำทะเล แต่กระสุนปืนใหญ่ของฝรั่งเศสกับยิงแม่นกว่า ด้วยอานุภาพของปืน กระสุนถูกเรือรบฝรั่งเศสจมทีละลำ
เรือรบฝรั่งเศสหลายสิบลำที่พร้อมก็พยายามแล่นออกจากอ่าวเพื่อไปรบกับกองเรืออังกฤษ “ยิง” หวี๊ด บึ้ม ๆ หวี๊ด บึ้ม ๆ บึ้ม ๆ “เย้ เย้ เย้” ถูกเรืออังกฤษแล้ว ควันดำลอยขึ้น “ยิงอีก” หวี๊ด บึ้ม ๆ หวี๊ด บึ้ม ๆ บึ้ม ๆ
เสียงต่อสู้การดวลด้วยปืนใหญ่ เป็นยุทธนาวีปิดประตูตีแมวที่อังกฤษยิงถล่มทหารเรือฝรั่งเศสไม่มีทางสู้