บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 210)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 210)

 

      หลังจากอาดัมอธิบายให้ผู้พันนาตาช่าได้ทราบเหตุผล แกนนำประท้วงได้เดินมาให้คำตอบ

                    “พวกเรายอมรับเงื่อนไข จะยกเลิกการชุมนุม แต่ถ้าท่านผิดสัญญาเราจะมาชุมนุมกันอีกครั้ง และจะไม่ยอมรับเงื่อนไขใด ๆ อีกแล้ว” อาหมัด เจะแนร์ ได้มาให้คำตอบแก่อาดัมและ พันตรีหญิงนาตาช่า

            “ขอบคุณมากที่เชื่อใจพวกเรา” อาดัมตอบขอบคุณใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ

           “เห็นแก่พวกท่านที่ยอมรับฟังพวกเรา พวกเราจะถอยเลิกชุมนุม พวกท่านต้องรักษาสัญญา ยกเลิกกฎบังคับ และให้นโปเลียนออกจากอียิปต์ และพวกเรารอฟังคำตอบในข้อที่สอง ที่ปล่อยนักโทษที่ถูกคุมขัง” อาหมัด เจะแนร์ ย้ำกับอาดัม

            “ขอบคุณอีกครั้ง พวกผมจะรักษาสัญญา คอยดูอีกหนึ่งสัปดาห์ จะมีการยกเลิกกฎ แน่นอน ส่วนนโปเลียนจะเดินทางกลับ เดี๋ยวค่อยแจ้งให้ทราบทีหลัง” อาดัมพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

 

         “พวกเราถอย ยกเลิกชุมนุม ข้อเรียกร้อง ได้รับการยอมรับแล้ว อีกหนึ่งสัปดาห์ ถ้าไม่มีการยกเลิกกฎ พวกเราจะมาชุมนุมใหญ่อีกครั้ง” หลักจากพูดจบ แกนนำได้เดินหันหลังกลับ ไปพบกลุ่มผู้ประท้วง ส่วนอาดัมและพันตรีหญิงนาตาช่าได้แต่มองดู กลุ่มผู้ประท้วงเริ่มเลิกประชุม แยกย้ายกันกลับออกไปจากอ่าว ท่ามกลางความสงสัยของทหารที่กำลังลำเลียง สเบียง น้ำดื่ม ขึ้นบนเรือ

 

          บริเวณหัวเรือ กลุ่มของเฟาเรส ซูซี่  ญันนะฮ์ และพ่อเฝ้ามองดู เหตุการณ์การเจรจาของอาดัมกับพันตรีหญิงนาตาช่าที่กับกลุ่มผู้ประท้วงแม้ไม่ได้ยินเสียงเพราะอยู่บนเรือ แต่ก็มองเห็นเหตุการณ์ตลอด ทหารที่อยู่บนเรือก็เตรียมพร้อมถ้าพวกประท้วงขึ้นมาบนเรือ ก็คงต่อสู้กัน โชคดีเหตุการณ์จบลงด้วยดี ทุกฝ่ายแยกย้ายกันไปไม่เกิดความรุนแรง

 

     “คุณอาดัมนี่สุดยอดเลยนะค่ะ” ซูซี่คุยกับกาซิม พ่อของญันนะฮ์

     “คุณอาดัมมีประสบการณ์มองโลกเด็ดขาด ถ้าเป็นผม คงแก้ปัญหาไม่ได้แน่นอน”  กาซิมเอ่ยขึ้นมา

 

         หลังจากแยกย้ายกันกลุ่มผู้ประท้วงก็ออกจากอ่าวอาบูกีร์ ร้อยตรีหญิงเอเวริน ก็กลับไปสั่งการให้ทหารรีบขนของขึ้นเรือ พันตรีหญิงนาตาช่าและอาดัมก็ได้เดินมาและขึ้นบันไดที่ท่าเทียบเรือขึ้นเรือที่พร้อมจะออกเดินทางกลับฝรั่งเศส

   “วันนี้คุณอาดัมแปลกนะค่ะใช้ผ้าเช็ดหน้าสีส้ม ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายใช้ผ้าเช็ดหน้าสีส้มเลยค่ะ”

           “ผมใช้ผ้าเช็ดหน้าแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลครับ” อาดัม

บอกกับผู้พันนาตาช่า

            กัปตันเรือได้ตรวจดูความพร้อม และสั่นกระดิ่งให้กาลาสีเรือเอาบันไดขึ้นเรือ พลแตรเดี่ยวได้เป่าแตรให้สัญญาน ได้ให้สัญญานพลเรือสามร้อยนาย พายเรือ ออกจากท่าเรือ เรือค่อย ๆ แล่นออกจากท่าเทียบเรืออ่าวอาบูกีร์ ท่ามกลาง สายตาทหารที่ยกมือโบกไปมา “โชคดีนะเพื่อน” “เดี๋ยวเราจะตามไป”  “เดินทางปลอดภัย”

        อาดัมโบกมือมีผ้าเช็ดหน้าสีส้มสดใสสะดุดตา พันตรีหญิงนาตาช่า กาซิม เฟาเรส ซูซี่  และญันนะฮ์ ได้ยืนข้างกราบเรือพร้อมกับโบกมือไปมาให้กับทหารบนฝั่ง ที่อวยพรขอให้เดินทางโดยปลอดภัย

         เรืออออกจากอ่าวได้สักพัก ลมได้พัดแรง กัปตันได้สั่งให้ลูกเรือกางใบเรือลงมา  เรือได้กินลมเต็มที่ได้วิ่งบ่ายหน้าไปยังฝรั่งเศส

        “ลมทะเลพัด แรง เรือใบกินลมเต็มที่ ในห้องกัปตันเรือ อาดัม นั่งสนทนากับ พันตรีหญิงนาตาช่า ร้อยตรีหญิงเอเวลิน กาซิม เฟาเรส ซูซี่  และญันนะฮ์ ได้นั่งสนทนากัน

       “ฉันยอมรับว่ากลัวมาก ตอนที่คุณอาดัม สนทนากับกลุ่มแกนนำ” พันตรีหญิงนาตาช่าบอกกับทุกคน

         “คุณอาดัมรู้สึกอย่างไรค่ะ ตอนคุยกับพวกกลุ่มแกนนำ” ซูซี่ถามความรู้สึกอาดัม

          “ผมเฉย ๆ ผู้พันสังเกตไหม ตอนที่ผมเจรจา ผมถือหลัก ยิ้มเข้าไว้ แล้วคุยช้าๆ เพื่อสร้างความเป็นกันเองกับผู้พูดคุยด้วย ผมถึงยิ้มตลอด เพราะคนที่เห็นเรายิ้มด้วยความจริงใจ จะทำให้ผู้ที่เราพูดคุยด้วยผ่อนคลาย รู้สึกว่าเราเป็นมิตร การพูดคุยก็จะราบรื่น เพราะผมสังเกตเห็นเด็กเมื่อแรกเกิดจะยิ้ม แม้ยังพูดไม่ได้ รอยยิ้มของเด็ก ๆ ทำให้คนประทับใจ และชอบผมเลยนำยิ้มของเด็ก ๆ มาใช้เวลาพูดคุยกับใคร ยิ่งในการสนทนากับคนที่ต้องเจรจาด้วย ผมเลยเปิดฉากด้วยการยิ้มแสดงความประทับใจและจริงใจก่อน” อาดัมอธิบายถึงรอยยิ้มให้ทุกคนเข้าใจ

 

        “ฉันละเครียดแทบตายแต่คุณอาดัมยังยิ้มสู้เสืออยู่ได้ เก่งมากคุณอาดัม” พันตรีหญิงนาตาช่าเอ่ยชมอาดัม

 

“คุณอาดัมเจรจาอย่างไรค่ะ ถึงคลายสถานการณ์ได้” เฟาเรสถามด้วยความสงสัย

 

     อาดัมได้พูดถึงสถานการณ์ในการเจรจาให้ทุกคนได้ทราบ “กลุ่มผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ  1 ให้ยกเลิกกฎบีบบังคับพวกเราในการใช้ชีวิตประจำวัน ข้อ 2 ต้องปล่อยคนที่ถูกจับทั้งหมดออกจากคุก ข้อ 3 นโปเลียนต้องออกไปจากอียิปต์โดยด่วน”

 

ผมได้ตอบข้อเรียกร้องทั้งสามข้อของกลุ่มแกนนำเพียง 2 ข้อ ผมจะแจ้งให้ท่านนโปเลียนได้ทราบ แต่พวกท่านต้องเลิกประท้วง และ ข้อ 3 นโปเลียนออกจากอียิปต์”

 

“ผมรับเพียงสองข้อ เราต้องมองโลกในแง่ดี ตามที่ผมบอกผู้พันนาตาช่าไปก่อนหน้านั้น ต้องผ่อนคลายอย่าให้เกิดความตึงเครียดในการเจรจา ถ้าเราทำรุนแรงใช้กำลัง สถานการณ์มันจะบานปลาย จะกระทบต่อแผนการเดินทาง และการยึดครองอียิปต์ของท่านนโปเลียนก็จะมีปัญหา เพราะท่านนโปเลียนต้องการขุดคลองเชื่อมทะเลให้สำเร็จ  ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องกฏ กฎยกเลิกได้ ก็ออกใหม่ได้ ไม่มีปัญหา ให้สถานการณ์มันลดความรุนแรงลงไปก่อน ส่วนในข้อ 2 ที่ให้ปล่อยนักโทษจากคุก ผมไม่ตัดสินใจ ปล่อยให้คนรับผิดชอบ เป็นคนตัดสินใจ เพราะผมสังเกตดวงตาของกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้นโปเลียนออกจากอียิปต์ เลิกยึดครองอียิปต์คือสิ่งที่พวกชุมนุมต้องการ จากสามข้อ ผมให้ได้เพียงสองข้อ ผมคิดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยอม สุดท้ายก็เป็นความจริง” อาดัมบอกให้ทุกคนเข้าใจ

 

          “ในการเจรจา อย่าพูดคำว่า แต่ว่า แต่จงมองโลกในแง่ดี ว่าเราทำได้ ผมรู้ตัวดี ว่าในวิสัยที่ตัดสินใจได้ แล้วพูดออกไป ทำให้แกนนำยอมรับ สิ่งสำคัญเราต้องยอมรับตัวเราเองก่อน เชื่อมันในตนเองว่า มีความสามารถตัดสินใจได้ ผู้พันสังเกตไหม ผมถือผ้าเช็ดหน้าสีอะไรในการเจรจา” อาดัมถามผู้พันนาตาช่า

 

     “ผ้าเช็ดหน้าของผู้พันสีส้มสด ครั้งแรกก็แปลกใจว่าทำไมคุณอาดัมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าสีส้ม ไม่เคยเห็นผู้ชายใช้มาก่อน” ผู้พันหญิงนาตาช่า บอกอาดัม

 

          “ผมถือเคล็ดเกี่ยวกับสี ปรกติผมใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาว หมายถึง เอาจริงเอาจัง ยึดมั่นในความยุติธรรม แต่ในสถานการณ์เจรจาต่อรอง ผมเลยเลือกใช้ผ้าเช็ดหน้าสีส้ม ซึ่งในกระเป๋าผมจะมีผ้าเช็ดหน้าเกือบทุกสี” อาดัมบอกผู้พันนาตาช่า

 

          “อะไรนะ คุณอาดัม” ทุกคนอุทานขึ้นพร้อมกัน “เหลือเชื่อ เป็นไปได้อย่างไร คนอะไรใช้ผ้าเช็ดหน้าเกือบทุกสี” ซูซี่ถึงกับอุทานออกมา

 

          “โอ พระเจ้าทรงคุ้มครอง กาซิมถึงกับอุทานเมื่ออาดัม

บอกว่าเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้หลายสี” เป็นความแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก

          “ผมถือเคล็ดต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าตามสีแล้วแต่สถานการณ์ครับ” เพราะแต่ละสีมีความหมายในตัวเอง เช่นสีแดง มุ่งมั่น กระตือรือร้น สีชมพู ใส่ใจ ชอบช่วยเหลือ ที่ผมใช้สีส้มในการเจรจา เพื่อให้เข้ากับกลุ่มผู้ประท้วงได้ง่าย เป็นความเชื่อของผม” อาดัมบอกกับทุกคน

You may also like...