บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 007)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 7)

เสียงไก่ขันดังแว่ว ๆ ได้ปลุก บักเคนให้ตื่นยามเช้า บักเคน ลุกจากเตียงแล้วบิดขี้เกียจ แล้วสะบัดหน้าไปมา บักเคนรู้สึกปวดศีรษะ เนื่องจากเมื่อคืนดื่มไวน์มากกับท่านอองตวน พร้อมแขกของท่านอองตวน และมงเตสกิเออ บักเคนแพ้ไวน์ ปรกติจะดื่มแต่เหล้าโรง หรือเหล้าขาวสี่สิบดีกรี บักเคนเหลือบไปมองมงเตสกิเออ หลับสบาย ไม่อยากปลุกมงเตสกิเออ บักเคนเลยลุกจากที่นอนแล้วเดินออกไประเบียงหน้าห้องมองดูพระอาทิตย์ที่กำลัง ทอแสง เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวอีกไม่นานก็จะเข้าฤดูหนาวที่ยาวนาน บักเคนถอนหายใจนึกถึงบ้าน นึกถึงปลาร้า แจ่วบอง ที่เคยจิ้มข้าวเหนียวกิน แต่ชะตาลิขิตต้องมาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส แม้ว่า จะเคยมาอาศัยอยู่ แต่เป็นโลกปัจจุบันที่มีอุ๊หน่อไม้ แจ่วบอง ลาบ น้ำตก ก้อย ขายริมฝั่งแม่น้ำแซนด์ ไม่ใช่ย้อนยุคในเวลานี้ “อรุณสวัสดิ์ ตื่นเช้าจัง มาดมัวร์แซลเคน เสียงมงเตสกิเออทักทาย เป็นอย่างไรงานเลี้ยงเมื่อคืนสนุกไหม” มงเตสกิเออถาม บักเคน “ก็ได้ความรู้จากท่านอองตวน เกี่ยวกับความคิดของวอร์แตร์ เมื่อไหร่ผมจะมีโอกาสได้สนทนาแลกเปลี่ยนกับวอร์แตร์บ้าง” บักเคนถามมงเตสกิเออ “อยากพบท่านวอร์แตร์ใช่ไหม ไว้คราวหน้าจะนำไปพบเพื่อนที่อังกฤษ โทมัส ฮ๊อบส์และถ้ามีโอกาสจะนำไปพบ วอร์แตร์ เพราะท่านวอร์แตร์ลี้ภัยการเมืองไปอยู่ที่อังกฤษ แนวคิดของท่านวอร์แตร์เป็นปฏิปักษ์กับศาสนจักร ขุนนางและราชวงศ์ ทำให้ต้องถูกเนรเทศออกจากฝรั่งเศส” “เมื่อคืนฟังท่านอองตวน เล่าเรื่อง ซาดิกของวอร์แตร์ เลยอยากทราบความคิดเห็นของท่านต่อสังคมฝรั่งเศสครับท่าน มงเตสกิเออ” “อ๋อได้ซิ ข้าก็เป็นเช่นเดียวกับวอร์แตร์ ที่ไม่เห็นด้วยกับสังคมฝรั่งเศสในหลายเรื่อง กดขี่คนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะชาวนาที่ยากจน แต่ข้าก็ไม่ปฏิเสธที่ต้องมีคนรับใช้ ข้าทาสที่หาได้ง่ายในสังคมฝรั่งเศสที่คนจนมีมากมาย หลายคนขายตัวมาเป็นทาสเพื่อให้ตน มีชีวิตอยู่จากความอดอยาก” “ทาสคนจนเป็นคนด้อยกว่า แต่เขายังมีศักดิ์ความเป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานะคุณเคน ถ้าสังคมทุกคนเท่าเทียมกัน จะอยู่ลำบาก ต้องมีรวย จน แต่อย่างน้อยต้องให้คนจนมีโอกาสแสดงความคิดเห็นบ้าง ไม่ใช่กดขี่เหมือนกับสัตว์ ไม่มีชีวิตจิตใจ เราต้องเห็นใจคนที่ด้อยกว่า” มงเตสกิเอออธิบายให้บักเคนฟัง “ก็ดีท่าน แต่ผมอยากฟังแต่แนวคิดท่านถึงความยุติธรรม ท่านมองอย่างไรในสังคมที่มีความแตกต่างของชนชั้นมากมาย ผมเห็นคนจนแทบสิ้นหวัง เหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่มีคนกำหนดชะตาชีวิตให้ ว่าจะอยู่รอดหรือตาย สังคมอย่างนี้ผมว่าต้องเกิดการต่อต้าน ต่อสู้ความไม่ยุติธรรมแน่นอน” มงเตสกิเอออธิบายต่อให้บักเคนฟังอีกว่า “คุณเคน สิ่งที่ท่านคิดถูกต้องแล้ว ศาสนจักร และขุนนาง จะมีความคิดเป็นของตนเอง จะต่อต้านคนที่ไม่เชื่อคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า หรือต่อต้านอำนาจ เพราะศาสนจักร และขุนนาง จะเชื่อว่าอำนาจของเขาถูกท้ายทาย จะต้องกำจัดพวกขัดขืนอำนาจ ในความคิดของข้า ข้าก็ได้เขียนแนวคิดอยากให้สังคมฝรั่งเศสยกเลิกระบบแม่มด ที่สังคมมีความเชื่อว่าใครที่คิดต่าง ๆ จะเป็นแม่มด ต้องนำไปลงโทษด้วยการเผา ทั้งเป็น ซึ่งการลงโทษคนที่คิดต่างจากศาสนจักร สังคม ฝรั่งเศส จะถือว่าเป็นพวกนอกรีต เป็นพวกแม่มด ต้องลงโทษด้วยการเผา ทั้งเป็น ข้าต้องการอยากให้ยกเลิกการกล่าวหาว่าคนที่คิดต่าง เป็นแม่มด ยกเลิกการทรมานร่างกายเพื่อรักษาดวงวิญญาณ ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อว่าถ้าผู้ใดมีบุคลิกหรือคิดต่างกับความเชื่อของ ศาสน จักร และแตกต่างจากบุคคลอื่นในสังคมจะกลายเป็น ผู้สื่อสารกับภูตผีปีศาจ” บักเคนนึกถึงหมอผีที่ติดต่อและรักษาคนที่ถูกปอบสิงที่เมืองอุบล คนเป็นปอบอย่างน้อยก็รดน้ำมนต์แล้วหาย ถ้าผีปอบมีฤทธิ์มาก ปราบยาก อย่างมากก็ระมัดระวัง ไม่คบค้าพูดคุยกับคนที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นปอบ ไม่เหมือนกับฝรั่งเศสที่ต้องเผาให้ตาย เป็นการทรมานเผาคนทั้งเป็น ต้องการให้ผู้ต้องหานั้นรับสารภาพ หรือยอมรับว่าเป็นแม่มด บักเคนนึกในใจ ขณะที่มงเตสกิเออก็พูดต่อว่า “แนวความคิดของข้านั้นเห็นว่าขัดกับหลักศาสนจักรและสังคมโดยสิ้นเชิง ทุกสิ่งต้องเป็นหลักธรรมชาติ ผู้พิพากษา ต้องพิจารณาให้ความที่เป็นธรรมกับผู้ที่ ถูกกล่าวหา ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่เขาพูดไม่เป็นจริง หรือกระทำความผิดจริง ไม่ใช่จะบอกคนที่คิดต่างเป็นแม่มด” มงเตสกิเออกล่าวต่อ “ข้าสนับสนุนให้ยกเลิกระบบราชทัณฑ์ที่ร้ายแรง เพราะคนที่ถูกจำคุก บางคนก็ไม่มีความผิดแต่ถูกใส่ร้าย เพราะเขาจน ไม่มีโอกาสต่อสู้ ไม่มีความรู้สู้พวกขุนนาง หรือนักบวชไม่ได้ จำต้องถูกลงโทษเพื่อให้สารภาพแม้เขาจะไม่ได้กระทำผิดก็ตาม ผู้ที่ถูกจำคุกจะมีชีวิตที่ไม่ต่างไปจากสัตว์ บางครั้งสัตว์ยังมีชีวิตที่ดีกว่าด้วยซ้ำ เช่น นกที่ถูกขับในกรง อย่างน้อย ขาดเสรีภาพแต่ไม่ถูกทรมาน ข้าไม่รู้การเรียกร้องของข้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ข้าได้แต่หวัง” และสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับคนทุกคนคือเสรีภาพในการที่จะปกครองตนเอง เสรีภาพในการเลือกผู้ปกครอง ทุกคนต้องมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ศาสนจักรหรือชนชั้นสูงจะเป็นผู้กำหนด” มงเตสกิเออ กล่าวต่อ “เสรีภาพต้องเท่าเทียมกันในทุกคน ไม่ว่าชาวนา พ่อค้า นักปราชญ์ หรือชนชั้นนำ ขุนนาง เสรีภาพในการปกครองตนเอง เลือกผู้นำ และทุกคนต้องมีหลักประกันในสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่อำนาจนั้นตกอยู่ในกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่งที่เป็นส่วนน้อย แต่แอบอ้างว่าเป็นฉันทามติเป็นตัวแทนมวลมหาประชาชนซึ่งไม่ใช่คนกลุ่มใหญ่ แล้วคนกลุ่มน้อยที่แอบอ้างว่า เป็นมติมวลมหาประชาชนก็ใช้อำนาจนั้น จัดการกับคนกลุ่มใหญ่ เพราะอาจจะเกิดการใช้อำนาจเกินขอบเขต เป็นผู้กำหนดการใช้อำนาจเองไม่แตกต่างจากพวกบ้าอำนาจ ทำให้อำนาจตกอยู่กับ คนเพียงกลุ่มเดียวที่แอบอ้างว่าเป็นเสียงของคนกลุ่มใหญ่” คุณเคน ข้าว่าเราไปทานอาหารเช้ากันดีกว่าเดี๋ยวเราได้สนทนากันบนโต๊ะอาหารกับท่านอองตวน บางทีคุณเคนอาจโชคดีได้เข้าไปในพระราชวังแวร์ซายส์กับท่านอองตวน ที่ต้องไปแกะสลักรูป ตามพระบัญชาขององค์กษัตริย์” “ดีครับท่านมงเตสกิเออ บางทีท่านอองตวนรอพวกเราที่ห้องอาหาร” บักเคนกล่าวตอบมงเตสกิเออ


You may also like...