บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 036)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 36)

          หลังจากขึ้นฝั่งที่เมืองท่ามาเซย์แล้วได้เดินเข้าไปยังตัวเมืองเพื่อผ่านไป สู่บ้านเกิดของปิแอร์ที่เมือง อาราส มณฑล อาร์ตัวส์ โดยจะไปหาเช่ารถม้าที่ในเมืองมาเซย์โดยสารไป  กัปตันได้มอบเงินก้อนใหญ่ให้กับบักเคนเป็นค่าความคิดดี ๆ เปิดบาร์อโกโก้ และมอบเงินส่วนหนึ่งเพิ่มเติมให้ปิแอร์เป็นค่าเดินทางกลับบ้าน ซึ่งปิแอร์ก็ยอมรับเงินถือว่าเป็นค่าจ้างพิเศษ ทั้งกัปตัน บักเคน และปิแอร์ได้ร่ำรากันด้วยความอาลัย

กัปตันพยายามยื่นข้อเสนอให้บักเคนเป็นหัวหน้าพ่อครัว  เปิดร้านอาหารตอนกลางวัน ขายอาหารที่บักเคนถนัด บักเคนก็บ่ายเบี่ยง อ้างว่าไม่มีวัตถุดิบ แต่กัปตันก็ยังยืนยันว่าวัตถุดิบจะพยายามหามาให้ เพราะเพื่อนกัปตันเดินเรือสินค้าแวะเมืองจีน และมะละกา อยู่บ่อย ๆ บางครั้งถ้าไม่มีก็จะสั่งให้แวะที่บางกอก เพื่อสั่งสินค้าที่บักเคนต้องการ เช่น พริก ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้ นำมาทำอาหารอีสาน เช่น ลาบเป็ด ลาบปลา ปลาเผา ปลาย่าง ไก่อบฟาง ต้มแซบไก่ ฯลฯ บักเคนขอบคุณในความปรารถนาดีของกัปตัน

          กัปตันเมื่อชักชวนบักเคนไม่สำเร็จ บอกว่าถ้ามีเวลาก็มาเที่ยว เยี่ยมเยียนดูกิจการร้านเหล้าตามคำแนะนำของบักเคนบ้าง ที่ร้านยินดีต้อนรับเสมอ กินฟรี อยู่ฟรี สำหรับบักเคนทำให้บักเคนซึ้งใจและได้ให้สัญญากับกัปตันว่าจะหมั่นมาเยี่ยมกัปตันบ่อย ๆ เพราะกัปตันมีบุญคุณกับตนที่ช่วยให้ตนเองรอดชีวิตมาได้จากเรือล่ม             ทั้งปิแอร์และบักเคนได้ร่ำลากัปตัน เพื่อออกเดินทาง ขืนอยู่ต่ออาจจะใจอ่อนกับลูกอ้อนของกัปตัน ซึ่งปิแอร์ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่เป็นลูกเรือมาหลายปี สมัครงานครั้งแรก หน้าตาโหดเหี้ยม พูดเสียงดัง แต่วันนี้เปลี่ยนไปพูดจาดี ปิแอร์พกความสงสัยว่ากัปตันผีเข้าหรือกินยาผิดขนาน ระหว่างเดินทาง บักเคนและปิแอร์ ได้กลิ่นซากศพโชยมา เพราะคนตายแล้วฝังไม่ทัน เนื่องจากอดตายจากความหิวโหย และโรคระบาดที่ขาดงบประมาณดูแลรักษา

ปิแอร์เกิดอะไรขึ้นในเมืองนี้ ที่ท่าเรือทำไม่มีแต่โสเภณี พอจะเข้าเมืองมีแต่กลิ่นศพ

บักเคนถามปิแอร์ เห็นลูกเรือที่เข้ามาในเมืองพอทราบข่าวว่าเมืองมาร์เซย์เกิดโรคระบาด ก็ไม่เข้าเมือง เราควรเลี่ยงตัวเมืองดีกว่า เพราะกลัวติดโรคระบาด โรคระบาดไม่มียารักษา

โรคอะไรบักเคนถามปิแอร์

ไม่ทราบเห็นลูกเรือเล่าให้ฟัง ว่าคนป่วยจะตุ่มใหญ่ (ต่อมน้ำเหลือง) บวม แดง กดเจ็บ จะปวดมากจนขยับแขนหรือขาไม่ได้ บริเวณขาหนีบ มีไข้สูงหนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ เลือดออกในปาก จมูก ทวารหนัก และเสียชีวิต มันน่ากลัวมากชาวบ้านที่อยู่แออัดตายกันมาก” ปิแอร์บอกบักเคน ซึ่งก็คือกาฬโรคในปัจจุบัน

          ฝรั่งเศสเริ่มตั้งแต่ปลายปี ค.ศ. 1787 ถึงปี ค.ศ. 1788 ประเทศประสบภัยแล้งมายาวนาน ผลผลิตการเกษตรเสียหายมากมายไร่องุ่นของคนยากไร้ที่เช่าที่นาของขุนนาง ชนชั้นสูง คนยากจน ไม่มีเงินที่จะขุดคลองส่งน้ำได้แต่ปล่อยองุ่นทิ้งให้เฉาตายเพราะขาดน้ำ น้ำตาของชาวสวนองุ่นชอกช้ำเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผลผลิตก็ไม่ได้ หลวงก็เก็บภาษีเพิ่ม ศาสนจักรขอเก็บเงินบำรุงศาสนาอีก ส่วนชาวนาที่ทำไร่มันฝรั่ง ไม่มีผลผลิต เพราะขาดน้ำ คนฝรั่งเศสอดอยาก หิวโหย ผู้คนล้มตายด้วยโรคระบาด อหิวาต์ และโรคที่คร่าชีวิตคนมากที่สุด คือ กาฬโรค ที่อากาศร้อนและแห้งแล้ง ทำให้หนูแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสลัมแออัด ในเมือง ไม่เว้นแต่ในชนบทที่ผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น ที่เมืองมาเซย์มีคนตายด้วยกาฬโรค ประมาณ 40,000 คน

ชาวบ้านที่ยากไร้เชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าลงโทษ หลายคนคิดว่าคนยิวลักลอบนำยาพิษไปใส่บ่อน้ำบางคนก็ไปโบสถ์สวดมนต์อ้อนวอนให้พระเจ้าทรงเมตตา บ้างก็ไปสวดมนต์อ้อนวอนต่อ รูปปั้นพระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ แต่ก็สิ้นหวังโดยสิ้นเชิงผู้คนล้มตายราวกับใบไม้ร่วง

          ส่วนคนรวย ชนชั้นสูงได้เดินทางออกจากเมืองมาเซย์ไปอาศัยอยู่ในชนบท สร้างปราสาทมีกำแพงล้อมรอบไม่รับแขกทั้งสิ้นเพราะคิดว่าคนที่มาติดต่อเป็นคนนำเชื้อโรคมาเผยแพร่ คนตายไปทุกหย่อมหญ้า มีแต่ความหดหู่ บักเคนและปิแอร์ได้ติดรถม้าของพ่อค้าที่มาค้าขายในเมืองมาเซย์พอทราบข่าวว่ามีโรคระบาดก็เดินทางกลับทันที บักเคนและปิแอร์ได้ขอโดยสารไปด้วย ยินดีจ่ายค่าเดินทางให้ รถม้าโดยสารเดินทางเกือบสัปดาห์ เพราะถนนไม่ดี ได้มาถึงหมู่บ้านชนบทเล็ก ๆ ชื่ออีวัวส์ (Yvoire)

ปิแอร์ได้บอกคนขับรถม้าจะขอแวะพักเพราะมีญาติอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ปิแอร์และบักเคนได้พักที่หมู่บ้านอีวัวส์ที่บ้านญาติของปิแอร์ อาหารมื้อเย็นที่ดีที่สุดของบ้าน ได้แก่ มันฝรั่งต้มเกลือ ผักไม่มี ปลาคอดตากแห้งตัวเล็ก ๆ 1 ตัวทั้งบ้านเป็นอาหารมื้อที่หรูหราที่สุดที่จัดเลี้ยงปิแอร์และบักเคนที่ได้แวะมาเยี่ยม

          บักเคนซึ้งในน้ำใจของชาวบ้านอีวัวส์ที่มีน้ำใจจัดเลี้ยงอาหารค่ำ ในสายตาชาวบ้านมันยิ่งใหญ่ แต่สายตาของบักเคนและ ปิแอร์ ต้องทนกินอาหารกับญาติของปิแอร์ เพื่อไม่ให้เสียความปรารถนาดี อุตสาห์ทำอาหารมาเลี้ยงคนทั้งสอง แม้ว่าบ้านจะไม่มีอะไรกินก็ตาม ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่หมู่บ้านอีวัวส์ เป็นเกษตรกร  ทำไร่องุ่น และปลูกมันฝรั่ง ทุกปีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ไก่ป่า นก นกเป็ดน้ำ แต่ปีนี้อากาศวิปริต เพราะแล้งมายาวนาน

สัตว์ป่าก็ถูกชาวบ้านไล่ฆ่ามาทำอาหารประทังชีวิต ส่วนนกเป็ดน้ำเนื่องจากแล้ง ไม่มีนกเป็ดน้ำมาลงหนองน้ำที่แห้งผาก ชาวบ้านไม่มีน้ำที่จะรดไร่องุ่น ได้แต่อาศัยน้ำบ่อของหมู่บ้านเพียงพอสำหรับดื่มกิน บักเคนมองเห็นสายตาสิ้นหวังของชาวบ้าน ที่ทนทุกข์ทรมานจากภัยแล้ง ความอดอยากหิวโหยกำลังมาเยือน       อีกไม่นานโรคระบาดคงแพร่มาถึง เงาวิบัติปกคลุมหมู่บ้าน บักเคนเหลือบไปเห็นแมวดำ ผอมโซ กำลังเดินด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย เหมือนกับสงวนพลังงานเอาไว้อีกไม่นานคงอดตายเพราะไม่มีอะไรจะให้กิน นาน ๆ ถึงจะล่าหนู งูได้ แต่พอชาวบ้านเห็นก็แย่งเอาไปกิน ส่วนแมวก็อดตามระเบียบ

          บักเคนมีความคิดเลยบอกปิแอร์ ปิแอร์ผมสงสารชาวบ้าน ไม่รู้ชาวบ้านจะเชื่อเรื่องลึกลับไหม ที่บ้านผมดอนมดแดง มีความแห้งแล้งเกิดขึ้นบ่อย ชาวบ้านทำพิธีขอฝนบ่อย ๆ ขอครั้งใดไม่เคยผิดหวัง หลังจากขอฝนไม่เกิน 3-7 วันฝนตกมามีน้ำทำนาบักเคนบอกปิแอร์

คุณเคนมีวิธีทำให้ฝนตกหรือ ใช้คาถาอะไร หรือต้องหา แม่มดเรียกลมเรียกฝนหรือปิแอร์ถามบักเคน 

“ไม่มีคาถามีแต่ความเชื่อไม่รู้ชาวบ้านจะเชื่อไหม วิธีการของผม ผมจะทำพิธีแห่นางแมวขอฝน เพราะมองเห็นแมวดำ ถ้าเราทำพิธีแห่นางแมว ที่บ้านของผมเชื่อเหตุที่ฝนไม่ตกเกิดจากดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง เจ้าเมืองหรือเจ้าแผ่นดินไม่ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ถ้ามนุษย์อยากให้มีฝนตกต้องตามฤดูกาล มนุษย์ก็ควรตั้งอยู่ในศีลในธรรม โดยเฉพาะผู้ปกครองบ้านผมต้องทำพิธีอ้อนวอนขอฝน และการที่ต้องใช้แมวเป็นตัวประกอบสำคัญในการขอฝน เพราะเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่เกลียดฝน ถ้าฝนตกครั้งใดแมวจะร้องทันที แถวบ้านผมถือเอาเคล็ดที่แมวร้องในเวลาฝนตกว่า จะเป็นเหตุให้ฝนตกจริง ๆ”

บักเคนได้เล่าต่อไปว่า “ชาวบ้านจึงร่วมมือกันสาดน้ำและทำให้แมวร้องมากที่สุดจึงจะเป็นผลดี หลังจากทำพิธีแห่นางแมวแล้วฝนจะตกลงมาตามคำอ้อนวอน และตามคำเซิ้งของนางแมว และแมวเป็นสัตว์ที่มีอำนาจลึกลับศักดิ์สิทธิ์ สามารถเรียกฝนให้ตกลงมาได้ และเมื่อถึงฤดูฝน หากฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาลก่อนที่จะนำนางแมวเข้ากระบุงหรือตะกร้า คนที่เป็นผู้อาวุโสที่สุด จะพูดกับนางแมวว่า

“นางแมวเอย ขอฟ้าขอฝน ให้ตกลงมาด้วยนะ”

พอหย่อนนางแมวลงกระบุงแล้ว ก็ยกกระบุงนั้นสอดคานหามหัวท้าย จะปิดหรือเปิดฝากระบุงก็ได้ แต่ถ้าปิดต้องให้นางแมวโดนน้ำกระเซ็นใส่ ตอนที่สาดน้ำด้วยจะต้องถูกต้องตามหลักประเพณี ผู้หญิงที่เข้าร่วมในพิธีแห่ จะผัดหน้าขาว ทัดดอกไม้สดดอกโต ๆ ขบวนแห่จะร้องรำทำเพลงที่สนุกสนานเฮฮา เมื่อขบวนแห่ถึงบ้านไหน แต่ละบ้านจะต้องออกมาต้อนรับอย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่า แมวจะโกรธ และจะบันดาลไม่ให้ฝนตกลงมาบักเคนอธิบายให้ ปิแอร์ฟัง

พระเจ้าช่วยเป็นพิธีแปลกประหลาดมาก คุณเคน แล้วมันได้ผลไหมปิแอร์ถามบักเคน

 

“ต้องได้สิ ไม่ลองก็ไม่รู้ ถ้าจะทดลองทำ ต้องหาแมวที่รูปร่างดีกว่าแมวดำผอม ๆ นะ หาแมวมาสักตัวสองตัวเพื่อทำพิธี” บักเคนบอกปิแอร์

You may also like...