บักเคนทะลุมิติภาค 1 (ตอนที่ 061)

Tบักเคนทะลุมิติภาค 1 (ตอนที่61)

.

บักเคนได้ยินสงครามครั้งสุดท้าย รู้สึกคุ้น ๆ เหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน พยายามนึกคำว่า สงครามครั้งสุดท้ายเคยได้ยินที่ไหนกันน๊า แล้วก็นึกได้ว่าเคยได้ยินจากวิทยุบ่อย ๆ ถึงการทำสงครามครั้งสุดท้ายด้วยมวลมหาประชาชน ที่ต้องการขับไล่รัฐบาลที่หมดความชอบธรรมในประเทศสยามที่ยังไม่สุดท้ายสักที               เป็นความชอบธรรมของคนเพียงกลุ่มเดียวที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากประชาธิปไตยเป็นอะไรก็ไม่รู้

ไปยังคุณเคน เดี๋ยวนี้ใจลอยบ่อยนะปิแอร์เอ่ยขึ้นและชวนบักเคนให้ออกเดินทางไปยังป้อมบาสติลล์เพื่อทำสงคราม ครั้งสุดท้าย

ครับ ผมกำลังนึกคำว่าสงครามครั้งสุดท้าย เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน แต่ตอนนี้ผมนึกออกแล้วเหมือนกับพวกเราที่กำลังปลดปล่อยประชาชนจากการถูกกดขี่ด้วยรัฐบาลของพระเจ้าหลุยส์ การขูดรีดภาษี ความอยุติธรรม แต่ที่เมืองสยามก็กำลังทำสงครามครั้งสุดท้ายแต่ไม่สุดท้าย เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย ไม่รู้เป็นระบอบอะไรบักเคนบอกปิแอร์

ในวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 กามีย์ เดส์มูแลงส์ เพื่อนสนิทของโรแบสปิแยร์ เป็นทั้งนักพูด นักเขียน นักเรียนรุ่นเดียวกันโรแบสปิแยร์ และรักภรรยามาก เป็นที่เลื่องลือ หล่อนชื่อ ลูซี แม้จะแย่งภรรยาของคนอื่นมาก่อนก็ตาม กามีย์ เดส์มูแลงส์ ได้เข้าร่วมปลุกระดมประชาชนชั้นกลางให้เข้าร่วมต่อสู้กับชนชั้นล่างที่กำลังประท้วง และเผาโรงงานอุตสาหกรรมหลายโรง ในหัวเมืองใหญ่  กามีย์ เดส์มูแลงส์ ได้ออกเดินปลุกระดมชนชั้นกลางในหลายท้องที่ในกรุงปารีส ได้กระโดดขึ้นไปปราศรัยให้กับประชาชนที่กำลังเดินไปซื้อของในตลาด และประกาศข่าวความสำเร็จของมวล                    มหาประชาชน ที่สามารถปลด เน็คแกร์ ออกจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้ เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

เสียงตะโกนของกามีย์ “ระบอบการปกครองแบบกษัตริย์จะต้องถูกล้มล้างแน่นอน และก็ขอรับบริจาคเงินจากชนชั้นกลาง เพื่อสมทบทุนการปฏิวัติประชาชน” 

กามีย์ ได้ปราศรัยปลุกระดมประชาชนต่อด้วยคำพูดว่า        พี่น้องครับ พวกเราจะทำสงครามครั้งสุดท้าย กับพระเจ้าหลุยส์และพระนางมารี อังตัวเนต สองพระองค์ต้องออกไปจากดินแดนฝรั่งเศส ไม่เคยเห็นความทุกข์ยากของประชาชน ชาวบ้านกำลัง  จะอดตายเพราะความหนาว ความหิว แต่สองพระองค์ เสวยสุข            ในพระราชวังแวร์ซายส์ พระเจ้าหลุยส์ การงานไม่ทำ เอาแต่สร้างกุญแจ พระเจ้าหลุยส์บ้ากุญแจ ส่วนพระนางมารี อังตัวเนต เอาแต่จัดงานเลี้ยง คบชู้สู่ชาย ตีฉิ่ง เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี ไม่สมควรปกครองประเทศ

ชาวบ้านหลายคนรวมถึงเจ้าของร้านค้าได้ฟังคำปราศรัยของกามีย์ เกิดความศรัทธาพากันปรบมือเป็นจังหวะ หลังจากพูดจบ  ในหลายประโยคที่กินใจ บางคนได้บริจาคเงินเป็นจำนวนมาก เจ้าของธุรกิจรายเล็กคนหนึ่ง ถึงกับเอาเหรียญทองคำที่มีติดตัวอยู่สองเหรียญ ผูกกับผ้าทำเป็นพวงมาลัยคล้องคอกามีย์ ชื่นชม               ในอุดมการณ์ทำเพื่อประชาชน

วันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 ฝูงชนจำนวนมาก ได้เดินทางไปยังป้อมบาสติลล์ หลายร้อยคนก็มีปืนที่ปล้นจากคลังอาวุธได้เดินทางไปล้อมป้อมบาสติลล์ ในขณะที่ภายในหอคอยป้อม  บาสติลล์ ที่สูงตะหง่าน มีเดอลอเนย์ ผู้รักษาการณ์ป้อมบาสติลล์  ไม่ยอมให้ฝูงชนเข้าไปดูนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในป้อม ทำให้ฝูงชนโกรธแค้นได้บุกเข้ายึดสะพานและพยายามบุกเข้าไปในป้อม         ซึ่งป้อมมีความสูงมาก ชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปได้

ขณะเดียวกัน กองทหารฝรั่งเศสที่เป็นทหารระดับล่าง  เป็นส่วนใหญ่และอยู่เคียงข้างประชาชน ได้เดินทางมาสมทบกับชาวบ้านที่ล้อมป้อมบาสติลล์ เมื่อกองทหารฝรั่งเศสมาถึงพร้อมกับลากปืนใหญ่มาด้วย ได้ใช้ปืนใหญ่ระดมยิงเข้าไปยังป้อมบาสติลล์จนป้อมเสียหาย กระสุนปืนใหญ่ตกใส่ทหารที่รักษาป้อม บาดเจ็บล้มตาย ทหารที่รักษาป้อม ก็เป็นทหารที่เกณฑ์มาจากชาวบ้าน   ที่เจ้าของที่ดินส่งมาให้องค์พระราชา ไปทำสงครามกับอังกฤษ  ส่วนหนึ่งได้มารักษาการณ์ที่ป้อมนี้ เมื่อเห็นกระสุนปืนใหญ่ระดมยิงได้เอาผ้าขาวผูกกับไม้และโบกขอยอมแพ้

ชาวบ้านที่โกรธแค้นได้กรูกันเข้าไปในป้อมทำร้ายทหารที่ยอมแพ้บาดเจ็บหลายราย

โรแบสปิแอร์ ได้บอกชาวบ้านที่โกรธแค้น หยุด หยุด อย่าทำร้ายทหาร เขายอมแพ้แล้ว ก็เป็นชาวบ้านเหมือนกับพวกเราไม่ใช่ขุนนาง อย่าทำร้ายเขา

ชาวบ้านค่อยคลายความโกรธ โรแบสปิแอร์ได้บอกให้ชาวบ้านบางส่วนเขาไปค้นหานักโทษการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ในป้อมบาสติลล์ หลังจากได้รับชัยชนะแล้ว มวลมหาประชาชนได้ออกเดินทางต่อ ในระหว่างทางปิแอร์ บักเคนและสมาชิกสมาคม ฟรีเมสันได้เข้าร่วมสมทบกับชาวบ้านและได้พบกับกามีย์ ที่กำลังเดินอยู่กับชาวบ้านและชักชวนให้กามีย์ร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เดินทางไปสักพัก โรแบสปิแยร์ได้บอก กามีย์ ปิแอร์ และบักเคน ให้หยุดเดินและนั่งพักเหนื่อยสักครู่หลังจากรีบเร่งเดินทาง

ในระหว่างนั่งพักผ่อน โรแบสปิแยร์ได้กล่าวกับบุตรชายและบักเคนว่า “กามีย์ เขียนหนังสือหลายเล่มนั้นผมอ่านแล้ว สมควร เผาทิ้งเสีย ไม่มีประโยชน์อะไรกับการปฏิวัติฝรั่งเศส” คำพูดของ          โรแบสปิแยร์ ที่พูดกับบักเคนได้ลอยตามลมมาเข้าหู กามีย์ ได้ลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้าไปยังโรแบสปิแยร์

“การเผา มิใช่การตอบ หรือเผากับตอบไม่ใช่สิ่งเดียวกัน”       ซึ่งคำพูดที่ กามีย์ พูดใส่ โรแบสปิแยร์เป็นคำพูดของ รุสโซ ที่ได้เขียนไว้และถูกราชสำนักสั่งห้ามเผยแพร่งานเขียนของเขา เรื่อง Emile ที่ว่าด้วยการอบรมให้การศึกษาแก่เด็กและเยาวชน อันเป็นงานเขียนชิ้นสำคัญของ รุสโซ

เท่ากับโรแบสปิแยร์เป็นศัตรูกับเสรีภาพการคิด การเขียน แถมยังอวดรู้ดีกว่า รุสโซ คำพูดของ กามีย์ ทำให้โรแบสปิแยร์ถึงกับอึ้ง เก็บความโกรธไว้ในใจ

“ไม่เป็นไรลูก คุณเคนไม่ต้องใส่ใจ”

 

ยามบ่ายวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 ในพระราชวัง          แวร์ซายส์ อันเงียบสงบ มีแต่เสียงนกร้อง ตามกิ่งไม้กระรอกวิ่งไปมาด้วยความสุข โดยไม่รับรู้สถานการณ์บ้านเมือง ข้าราชบริพาร ขุนนางชั้นสูงหลายคน ได้หลบหนีออกจากฝรั่งเศสเพราะไม่แน่ใจสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ขุนนางบางคนก็ไปลี้ภัยที่อังกฤษ บางส่วนก็ไปเยอรมัน ไปสวิสเซอร์แลนด์ บางส่วนเดินทางไปสหรัฐ ในขณะที่พระเจ้าหลุยส์ ทรงพักผ่อนด้วยการทรงงานอดิเรก ด้วยการซ่อมนาฬิกา ส่วนพระนางมารี อังตัวเนต ก็ทรงชื่นชม เพชรบลูไดมอนด์กับโยลองด์ เดอ โปลาสตรง กิ๋กของพระนางที่หมู่บ้านชนบทอันเงียบสงบในพระราชวังแวร์ซายส์ วันนี้นี่เอง          ถือเป็นวันชาติฝรั่งเศสวันที่ป้อมบาสตีลล์ถูกทำลาย วันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชนชาวฝรั่งเศส

You may also like...