บักเคนทะลุมิติภาค 1 (ตอนที่ 089)

บักเคนทะลุมิติภาค 1 (ตอนที่89)

พระเจ้าหลุยส์กับพระนางมารี อังตัวเนต รับประทานอาหารที่บักเคนทำสุดฝีมือ ทรงเจริญอาหารยิ่งนักตรัสชมบักเคนไม่ขาดปาก แต่พระพักตร์มีสีหน้ากังวล เพราะเป็นห่วงพระโอรสและพระธิดา พระองค์ทรงคิดว่าอย่างน้อยพระโอรสและพระธิดา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ประธานสภาประชาชนคงไว้ชีวิตแต่ก็ทรงห่วงอนาคตของพระราชโอรสและพระธิดา ว่าจะอยู่อย่างไร ทรงถอนหายใจ

“ทรงเป็นอะไรพระเจ้าค่ะ”บักเคนถามพระเจ้าหลุยส์

 “ข้าห่วงพระโอรสกับพระธิดา ข้าก็ไม่มีใครที่ไว้ใจได้ตัวข้าเปรียบเหมือนคนที่ลอยคออยู่ในทะเลกว้างไม่รู้จะลอยคออยู่ได้นานเท่าใดเมื่อหมดแรงคงจมมหาสมุทร ยุติชีวิตที่ทรมานเสียทีแต่ก็ข้าก็ห่วงพระโอรสและพระธิดาข้าเพิ่งพบเจ้าแต่ก็ถูกชะตา อาจจะเป็นพรหมลิขิต ที่ทำให้พบเจ้า เจ้าเปรียบเหมือนกับขอนไม้เล็ก ๆ ที่ลอยผ่านหน้าข้า ข้ายังไงก็ต้องเกาะพยุงเอาไว้แม้จะไม่แข็งแรงที่จะลอยนำพาข้าไปถึงฝั่ง แต่อย่างน้อยก็ยังมีหวังในชีวิตถ้าข้าต้องจากไป ข้าขอฝากพระโอรสกับพระธิดาน้อยไว้กับเจ้าด้วยสุดแต่เจ้าจะชี้นำหนทางชีวิตให้ลูกของข้า ขอให้ลูกของข้าได้หลบภัยไปอยู่ที่ประเทศออสเตรียกับยายขอให้พระโอรสและพระธิดาของข้าเติบใหญ่ข้าก็พอใจ อย่างน้อยก็ยังมีคนสืบสายตระกูล” พระเจ้าหลุยส์ ทรงฝากฝังบักเคน

          “พระองค์ทำไมตรัสอย่างนั้นล่ะพะยะค่ะ
กระหม่อมมิบังอาจ กระหม่อมก็ตัวคนเดียว ไม่มีภาระอะไร ชีวิตก็ไม่รู้จะอยู่รอดท่ามกลางไฟสงครามหรือไม่แต่เมื่อพระองค์ทรงฝากพระโอรสกับพระธิดาข้าพระองค์ก็จะดูแลพระโอรสกับพระธิดาทั้งสองให้ดีที่สุดพะยะค่ะ จะนำพระโอรสกับพระธิดาไปส่งที่ประเทศออสเตรียให้ได้พะยะค่ะ” บักเคนทูลตอบพระเจ้าหลุยส์

“บอกแล้วไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับข้าพูดภาษาชาวบ้านก็พอ”

พระเจ้าหลุยส์ตรัสบอกบักเคน

“ครับพระองค์ท่าน ผมจะดูแลพระโอรสกับพระธิดาทั้งสองให้ดีไม่ต้องห่วงกังวลครับ ผมจะส่งพระโอรสกับพระธิดา ไปถึงประเทศออสเตรียให้ได้ครับ
แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”

การให้คำยืนยันของบักเคนทำให้นัยน์ตาของพระเจ้าหลุยส์กับพระนางมารี อังตัวเนต รินไปด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจ  คนต่างบ้านต่างเมืองยังมีจิตใจงดงามทำเพื่อพระองค์โดยไม่หวัง สิ่งตอบแทน

          ประธานสภาประชาชน โรแบสปิแยร์ได้มีคำสั่งด่วนถึงผู้นำในแต่ละหัวเมือง ให้เรียกบุคคลที่ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองตามหัวเมืองต่างๆ เช่น พ่อค้าที่กักตุนขนมปัง พระสงฆ์ในศาสนจักรขุนนางชั้นสูงที่ปกครองอยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ
ให้มารายงานตัวต่อสภาประชาชนและปลูกฝังอุดมการณ์รักชาติ ทำเพื่อสังคม
โดยให้กักตัวไว้มีกำหนด 14 วัน เพื่อขอความร่วมมือในนโยบายของท่านประธานสภาเพื่อต้องการรักษาความสงบในบ้านเมืองทั้งภัยสงครามจากการรุกรานของออสเตรียและปรัสเซีย รวมถึงเหตุประท้วงอยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ ของคนจนที่เรียกร้องอาหารและที่ดินทำกินประกาศของท่านประธานสภาประชาชนไม่ให้มีการกักตุนขนมปัง อาหาร และไม่ให้ขายราคาสูงเกินไป พวกที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักรวมถึงการปลุกใจให้รักชาติ   ร่วมต่อต้านข้าศึกที่บุกฝรั่งเศส
การขอความร่วมมือจากผู้ที่เรียกตัว ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
แต่ก็มีบางคนไม่มารายงานตัว

         ขณะที่ออสเตรียและปรัสเซียได้มีความเห็นขัดแย้งกันโดยกษัตริย์แห่งปรัสเซียต้องการให้กองกำลังผสมบุกโจมตีปารีสโดยเร็วเพื่อนำการปกครองแบบราชาธิปไตยกับคืนสู่ปารีส เพื่อให้พระเจ้าหลุยส์ได้กลับมาครองราชย์สมบัติอีกครั้ง ขณะที่ออสเตรียต้องการให้โจมตีป้อมค่ายตามแม่น้ำเมิส (Meuse) ให้หมดเสียก่อนค่อยบุกปารีสนับเป็นโอกาสทองของฝรั่งเศสที่ได้มีเวลาเตรียมตัว ทำให้นายทหารหนุ่ม ดูมอริเอซ์ได้มีโอกาสปลุกใจเพื่อนทหารที่รบพ่ายกองกำลังผสมปรัสเซียออสเตรียบริเวณพรมแดนเบลเยี่ยมให้กลับคืนสู่กรมกอง และไปร่วมรบเพื่อประเทศตามคำสั่งของท่านประธานสภาประชาชนโดยได้บุกสายฟ้าแลบโจมตีและยึดทิวเขาอาร์กอนน์ (Argonne)ที่กองกำลังผสมออสเตรียและปรัสเซีย  ยึดครองอยู่

ยุทธวิธีการรบของออสเตรียที่ตัดสินใจผิดพลาดโดยยึดตำราสงครามมากเกินไปได้นำกองกำลังผสมเดินทางไปโจมตีทหารฝรั่งเศสที่เป็นทหารและอาสาสมัครชาวบ้าน ตั้งทัพอยู่บริเวณที่ราบสูงวาลมีย์ (Valmy) ซึ่งทหารออสเตรีย ปรัสเซีย และชาวฝรั่งเศส  ที่ทรยศตั้งทัพอยู่มี เคอเลอร์แมน (Kellerman)
เป็นผู้นำทัพได้ ปลุกใจทหารและอาสาสมัคร

“พี่น้องทหารทั้งหลายเราต้องปกป้องประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราด้วยชีวิต
เราจะต้องสังหารศัตรูที่มารุกรานชาติของเราพวกเราต้องสามัคคีกันไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ชาวนา กรรมกร ครู หมอ นักศึกษา พวกเราต่างคนต่างความเห็นแต่มีความเห็นเดียวกัน คือป้องกันชาติอันเป็นที่รักของเราด้วยชีวิตเราจะสู้จนคนสุดท้าย ชีวิตยอมตายเพื่อแผ่นดิน”

การปลุกใจของเคอเลอร์แมน(Kellerman)ได้สร้างความฮึกเหิมให้กับกองกำลังผสมทหารแนชนัลการ์ด(National Guards) และชาวบ้านอาสาสมัครการสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดเป็นการดวลปืนใหญ่ทั้งสองฝ่ายเสียงปืนใหญ่ดังกึกก้อง

“หวีดหวีด บึ้ม บึ้ม ๆๆ” ควันฟุ้งกระจาย เป็นการรบด้วยการดวลปืนใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่มีการต่อสู้ระยะประชิดตัว ถ้าเป็นการรบประชิดตัว ทหารแนชนัลการ์ด (National Guards) และชาวบ้านอาสาสมัครคงจะสู้ทหารปรัสเซียและออสเตรียไม่ได้แต่เทวีแห่งโชคได้เข้าข้างฝรั่งเศส ผลการรบทหารออสเตรีย ปรัสเซีย สูญเสียอย่างหนักทหารแนชนัลการ์ด (National Guards)และชาวบ้านอาสาสมัครได้ร่วมรบอย่างเต็มความสามารถ ป้องกันที่ราบสูงวาลมีย์ (Valmy)ไว้ได้

แม่ทัพที่นำทหารออสเตรียปรัสเซีย ได้สั่งถอยทัพเพื่อลดความสูญเสีย ทำให้ฝรั่งเศสประสบชัยชนะในสงครามและได้สร้างความฮึกเหิมไปทั่ว ทหารออสเตรียที่สู้รบกับทหารฝรั่งเศสที่ลิลส์ (Lille)และธิอองวิลล์ (Thionville) การต่อสู้เต็มไปด้วยดุเดือด
      ข่าวฝรั่งเศสประสบชัยชนะที่วาลมีย์(
Valmy) ทำให้ทหารปรัสเซียและออสเตรียเริ่มเสียขวัญทหารแนชนัลการ์ด (National Guards) และชาวบ้านอาสาสมัคร
ได้รบชนะที่เมือง นิส (
Nice)  และซาวอย
ข่าวทหารฝรั่งเศสสู้รบชนะในหลายเมืองได้รายงานถึงท่านประธานสภาประชาชน ที่มาพักฟื้นอยู่ที่บ้านใกล้กับศาลาคอมมูนปารีส

“วิเศษจริงๆ ทหารและอาสาสมัครได้ร่วมรบป้องกันประเทศได้ยอดเยี่ยมมาก
ข้าได้ยินข่าวดีรู้สึกหายเจ็บป่วยเลย”โรแบสปิแยร์ได้บอกทหารคนสนิทที่มารายงานข่าวการสู้รบให้ทราบ

 

 

  

You may also like...