บักเคนทะลุมิติภาค 1 (ตอนที่ 101)

บักเคนทะลุมิติภาค 1 (ตอนที่101)

หลังจากชายลึกลับได้กลับไปเจ้าชายองค์น้อยได้ถูกกักบริเวณในห้องใต้ดิน ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันในตอนกลางวันและช่างทำรองเท้าจะปล่อยให้เจ้าชายเป็นอิสระได้ออกจากที่กักบริเวณมาอยู่ในบ้านในตอนกลางคืนที่ไม่มีคนสอดแนมและคนไม่ค่อยพลุกพล่าน แต่ช่างทำรองเท้าต้องระวัง ไม่ให้คนภายนอกรู้ว่า ตึกแถวเป็นที่กักตัวเจ้าชายน้อย ถ้ามีคนทราบตนเองคงต้องโทษถึงตาย พร้อมกับญาติพี่น้อง

ช่างทำรองเท้ามีหน้าที่คอยหาอาหารให้เจ้าชายได้เสวย  พอประทังชีวิต แม้จะสงสารแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าชายน้อยได้มากกว่านั้น เพราะลำพังตนเองก็ยังเอาตัวไม่รอด อาหาร ขาดแคลนและมีราคาแพง ช่างทำรองเท้าต้องอยู่อย่างลำบาก ท่ามกลางภัยสงคราม เมื่อกลุ่มชายลึกลับไม่ติดต่อและไม่มาหาเจ้าชายน้อย ทำให้ช่างรองเท้าต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก ในการช่วยเหลือเจ้าชายที่ได้รับความทุกข์ทรมาณมาก เพราะร่างกายเจ้าชายน้อยผ่ายผอม บางครั้งไม่เสวยพระกระยาหาร เพราะตรอมใจคิดถึงพระมารดา ช่างทำรองเท้าได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าชาย 

“พระองค์ต้องการอยากให้หม่อมฉันช่วยอะไรบ้างพะยะค่ะ แม้มันจะเสี่ยงแต่กระหม่อมก็จะเสี่ยงพะยะค่ะ เพราะทนสงสารพระองค์พะยะค่ะ”

เจ้าชาย “ขอบใจ ข้าขอกระดาษเขียนหมายอยากจะเขียน จดหมายถึงพระมารดาได้ไหม” เจ้าชายน้อยร้องขอ

“ไม่ได้พะยะค่ะ เพราะพระนางมีคนควบคุมเข้มงวด จดหมายที่พระองค์จะเขียนคงไม่มีโอกาสที่พระมารดาจะได้อ่านพะยะค่ะ”

เจ้าชายทรงกรรแสง ฮือ ฮือ ๆๆๆๆ……….. ช่างทำรองเท้าสงสารเจ้าชายน้ำตาพาลไหลเพราะความสงสารเจ้าชาย “เจ้าชาย มีใครที่สนิท ที่ไว้ใจได้ไหม กระหม่อมจะให้บุตรชายนำจดหมายไปให้คนที่เจ้าชายไว้ใจเพื่อหาทางช่วยเหลือเจ้าชายได้”

ผมไม่มีใคร มีแต่คนที่พระบิดาฝากฝังให้ดูแล ซึ่งก็ไม่สนิทสนมกันมาก พระบิดาเพียงฝากผมกับพี่สาวไว้กับคุณเคน”

“คุณเคนเขาคือใครพะยะค่ะ” ช่างทำรองเท้าถามเจ้าชาย 

“เป็นเจ้าของร้านอาหารชานกรุงปารีส ผมพบเขาเมื่อตอนไปทำอาหารให้พระบิดาและพระมารดา พร้อมกับพี่สาวและผมรับประทาน ที่คุมตัวพวกเราไว้ ซึ่งเขาก็รับปากพระบิดาว่าจะช่วยเหลือเราสองพี่น้องด้วยความเต็มใจ แต่ผมก็ไม่คาดหวังว่าเขาจะช่วยพวกเราจริง เพราะเราไม่ใช่ญาติ แต่เป็นนักโทษ” เจ้าชายพูดตรัสด้วยความสิ้นหวัง

“ไม่ลองก็ไม่รู้พะยะค่ะ ขอให้พระองค์ทรงพระอักษร การส่งข่าวเป็นหน้าที่หม่อมฉันพะยะค่ะ” ช่างทำรองเท้าพูดกับเจ้าชาย

เจ้าชายได้เขียนจดหมายถึงคุณเคน

“เรียนคุณเคน จดหมายฉบับนี้ผมเป็นพระโอรสของพระเจ้าหลุยส์ ที่พระบิดาฝากฝังให้คุณเคนช่วยดูแล ตอนนี้ผมถูกขังที่ตึกแถว คนที่นำจดหมายมาให้คุณเคนเขาจะนำคุณเคนมาพบผม  แต่ต้องมาตอนกลางคืนอย่าให้ใครทราบเป็นอันขาดมันอันตรายต่อตัวคุณเคนและช่างทำรองเท้าผู้มีพระคุณที่ยอมเสี่ยงชีวิตให้คนมาส่งจดหมายถึงคุณเคน”

“ผมหวังว่าคุณเคนคงเมตตาผมและพี่สาว พาผมกับพี่สาวได้มีชีวิตรอด ตามคำสั่งเสียของพระบิดา ถ้าคุณเคนไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไร ก็ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของพวกเราพี่น้อง ที่ต้องจบชีวิตจากภัยการเมืองนี้ และผมก็ไม่โกรธคุณเคน”

“พระมารดาได้สอนพวกเราเสมอ จงให้อภัยคนที่คิดร้ายต่อเรา พระมารดาทรงรู้ตัวดี ว่าจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน เพราะโลกนี้ถูกตัดสินความถูกผิด ดี ชั่ว ด้วยคนที่มีอำนาจที่จะสามารถบงการถูกผิดด้วยเพียงวาจา แม้จะเป็นเท็จก็เปลี่ยนให้เป็นจริงได้ หรือจากจริงให้เป็นเท็จได้ พระมารดาได้พร่ำสอนเสมอ เมื่อพวกเราพี่น้องถูกคุมขังในพระราชวัง จงให้อภัยและอโหสิกรรมแก่คนคิดร้ายต่อเรา ผมไม่โกรธคุณเคนและก็เข้าใจคุณเคนดี และก็ไม่เห็นด้วยที่พระบิดาทรงฝากฝังพวกเรากับคุณเคนซึ่งไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่พระบิดาทรงไม่มีใครอีกแล้วนอกจากคุณเคน ผมหวังว่าจดหมายฉบับนี้คงถึงมือคุณเคน ถ้าตกอยู่ในเงื้อมมือคนที่คิดร้ายต่อพวกเรา ก็ต้องขอโทษด้วยที่นำความยุ่งยากมาสู่คุณเคน พวกเราพี่น้องก็ขออภัยอย่างสุดซึ้ง มา ณ ที่นี้ด้วย”

จดหมายจากเจ้าชายน้อยได้เขียนเสร็จและได้มอบให้ช่างทำรองเท้า “นี่ครับจดหมาย สำหรับที่อยู่คุณเคนผมไม่ทราบแน่ชัด แต่คุณเคนมีผมสีดำ รูปร่างสูงปานกลาง เปิดร้านอาหารที่ลือชื่อ ชานกลุงปารีส เป็นร้านอาหารทะเล ที่คนปารีสรู้จักดี น่าจะหาไม่ยากครับ” เจ้าชายได้บอกช่างทำรองเท้า 

“ทราบแล้วพะยะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมจะให้บุตรชายขี่ม้านำจดหมายไปมอบให้คุณเคนตามพระประสงค์พะยะค่ะ”

หลังจากนั้นช่างทำรองเท้าได้เรียกบุตรชาย ซิลแวงส์ มา และมอบจดหมายให้และสั่งว่าเป็นความลับสุดยอดให้นำจดหมาย              ไปมอบให้คุณเคนเจ้าของร้านอาหารที่ชานกรุงปารีส คุณเคนมีลักษณะ ดังนี้ มีผมสีดำแตกต่างจากพวกเรา และเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ชานกรุงปารีส ที่โด่งดังทุกคนรู้จัก แต่การเข้าไปพบคุณเคนต้องระวัง อย่าแสดงพิรุธว่านำจดหมายจากพระโอรสไปมอบให้คุณเคน เพราะอันตรายจะเกิดกับพระโอรสและครอบครัวของเรา ถ้าเห็นท่าไม่ดี ก็ให้ทำลายจดหมายทิ้งเสีย อย่าได้ฝืนกระทำ ทุกอย่างฝากไว้กับโชคชะตา ให้เจ้าจงใช้ไหวพริบ เพื่อทำงานนี้ให้สำเร็จนะ ซิลแวงส์”

ช่างทำรองเท้าบอกบุตรชาย “ครับพ่อ ผมจะทำหน้าที่ผมให้ดีที่สุดครับ คุณเคนผมเคยได้ยินชื่อเพื่อนเล่าให้ฟังเพราะเพื่อนอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ตอนทำลายป้อมบาสติลล์ คุณเคนกล้าหาญและเก่งมาก ฆ่าทหารสวิสตายหลายสิบคน ผมจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้เป็นอย่างดี” ซิลแวงส์ ได้บอกบิดา

“ใครกันเพื่อนเจ้า” ช่างทำรองเท้าถามบุตรชาย

“อดัม ครับพ่อ อดัมถูกแฟนที่เป็นแม่ค้าตลาดปลา นีน่า ชวนไปต่อสู้ เขาขัดใจแฟนไม่ได้เลยต้องไปร่วมต่อสู้ แต่นีน่าตายในการต่อสู้ ส่วนอดัมเองก็ถูกยิงที่ขา กระสุนฝังใน เมื่อรักษาหายก็กลายเป็นคนพิการ เดินต้องลากขา ผมโชคดีที่ไม่ไปร่วมต่อสู้ด้วย”  

 ช่างทำรองเท้า ได้บอกบุตรชาย “ดีเลย ซิลแวงส์ เจ้าทราบข้อมูลของคุณเคนมันก็ง่ายสำหรับเจ้าที่จะนำจดหมายจากพระโอรสไปมอบให้กับคุณเคน” “ครับพ่อ”

ที่ศาลากลางคอมมูนปารีส กิเยร์-ทังวิลล์ ซึ่งได้รับมอบหมายจากแซงส์ จูสต์ ได้ไปยื่นหนังสือ ต่อสภาประชาชนเพื่อเป็นผู้ฟ้องร้องแทนประชาชนชาวฝรั่งเศสทั้งมวล ให้ดำเนินคดีต่อ พระนางมารี อังตัวเนต การพิจารณาสำนวนฟ้องคดีต่อพระนางมารีอังตัวเนต ได้มีการทำสำนวนคดีฟ้องขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงหนึ่งวัน และเป็นเอกสารคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์

เนื่องจากนายฟูกิเยร์ไม่สามารถหาเอกสารที่เป็นหลักฐานความผิดของพระนางมารี อังตัวเนตได้ มีเพียงแต่คำบอกเล่าทั่วไปว่าพระนางฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ดังนั้น เพื่อให้สามารถตั้งข้อกล่าวหา แก่พระนางมารี อองตัวเนต ได้ ฟูกิเยร์ มีแผนที่จะให้มกุฎราชกุมารขึ้นให้การต่อศาลในทางเป็นปฏิปักษ์ต่อพระมารดา โดยแลกกับอิสรภาพของเจ้าชายน้อย ซึ่ง แซงส์ จูสต์ ได้คิดแผนนี้ แต่ไม่คาดคิดว่าเลขา แซง จัสต์ เลขาคนสนิทของโรแบสปิแยร์ ได้สั่งกลุ่มชายลึกลับ นำตัวเจ้าชายน้อยไปคุมขัง เพื่อการเจรจาต่อรองบางอย่างกับ โรแบสปิแยร์ และกษัตริย์แห่งออสเตรีย ที่เป็นสมเด็จลุงของเจ้าชายน้อย 

 ฟูกิเยร์ ไม่สามารถนำตัวเจ้าชายมาเป็นพยานปรักปรำ พระนางมารี อังตัวเนตได้ เพราะเจ้าชายได้ถูกลักพาตัวไปก่อน  หน้านั้

You may also like...