บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 140)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 140)

ห้าวันหลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ของนโปเลียน กองทหารฝรั่งเศสได้ออกเดินทางเพื่อไปยึดครองเมืองชามการเดินทางการเดินทัพ ได้แบ่งทหารเป็นหมวดหมู่ ให้เดินทัพทีละกองพล กองพลแรกนำโดยนโปเลียน เกลแบร์ บักเคน และทหารหญิง ทหารปืนใหญ่ ทหารราบบางส่วน ส่วนกองพลที่สอง ให้พลเอกบอร์น เป็นผู้ควบคุมทัพ กองพลที่สาม ให้ พลโท ฟรานซิส เวียร์ เป็นผู้ควบคุม และกองพลที่สี่ มีพลโท อเล็ก และนักวิทยาศาสตร์ร่วมขบวน การเดินทางช่วงแรก จะเดินตามริมแม่น้ำไนล์ แต่มีช่วงหนึ่งที่ต้องเดินทัพตัดตรงไปยังเมืองชาม นโปเลียนไม่ได้สั่งการให้ทหารได้เตรียมน้ำดื่มให้พอเพียง สำหรับการเดินทัพผ่านทะเลทรายกองคาราวานอูฐที่ขนเสบียงอาหาร ปืนใหญ่ขนาดเล็ก ๆ เดินเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ผ่านเนินทราย สลับกับไม้พุ่ม บางแห่ง การเดินทัพช่วงเช้า อากาศเย็นสบาย ๆ แต่พอสายๆ อากาศเริ่มร้อนอบอ้าว ทหารที่นำน้ำดื่มติดตัวมา ก็ยกดื่มดับกระหาย น้ำดื่มเริ่มหมด อากาศยิ่งทวีความร้อนอบอ้าวมากขึ้น ทหารหน่วยแรก จะพบบ่อน้ำก็จะตักน้ำใส่กระติกไว้ บ่อน้ำไม่สามารถรองรับทหารจำนวนนับหมื่นนายได้ ทหารกองพลสุดท้ายที่เดินตามมา เมื่อถึงบ่อน้ำก็พบเพียงบ่อน้ำแห้งผาก เพราะทหารหน่วยก่อนหน้านั้น ได้ตักน้ำไปจนหมด

“น้ำข้าต้องการน้ำ ไม่มีแหล่งน้ำเลย มีแต่ผืนทราย” ทหารที่เพิ่งมาถึงบ่อน้ำ หลายคนเริ่มกระหายน้ำ “ทุกคนเดินต่อไปอดทนอีกนิด จะมีโอเอซีสอยู่ข้างหน้า จะมีน้ำเพียงพอ” เสียงนานทหารที่ควบคุมการเดินทัพได้ร้องบอกทหารที่เริ่มหิวน้ำ มีทหารหลายนายเป็นลมเพราะอากาศร้อน และขาดน้ำ “ทหารเป็นลมท่าน ใครมีน้ำเหลือ นำมาให้ทหารจิบหน่อย”

“น้ำหมด” “ร้อนโว้ย” “ร้อนชิบหาย” “ยังกับตกนรกทั้งเป็น ร้อน ๆ” เสียงทหารเริ่มโวยวาย ระเบียบวินัยเริ่มไม่มี ความกระหายได้ทำให้ทหารขาดระเบียบวินัย พากันส่งเสียง “ไอ้สารเลว ไอ้พวกเห็นแก่ตัว ตักน้ำไปหมด ไม่เหลือให้คนข้างหลัง” ทหารเริ่มก่นหน้าทัพที่ไปก่อนหน้า

ใครมีน้ำเหลือบ้างว่ะ หิวน้ำโวย  ทหารหลายนายเริ่มคุ้มคลั่ง “ปัง ปัง ปัง” ทหารบางนายยกปืนแล้วยิงปืนขึ้นสู่ท้องฟ้า

“ทุกคนดู โอข้างหน้ามีน้ำ ข้าเห็นน้ำสีน้ำเงิน อยู่ข้างหน้า” ทหารบางคนเริ่มมองเห็นน้ำอยู่บนท้องฟ้า เป็นปรากฏการณ์ ภาพลวงตา

“ข้าเห็นป่าไม้เขียว เห็นน้ำด้วย” หลายคนร้องออกมา” “ใช่แน่นอน น้ำ น้ำอยู่ข้างหน้า ทหารเริ่มออกวิ่งไปหาแหล่งน้ำ”

นักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมขบวนมา เกสพาร์ด มอนจ์ (Gaspard Monge) ได้ร้องตะโกน“หยุด ทหารอย่าวิ่ง จะให้ท่านช็อค

“หยุดให้โง่ ข้าเห็นน้ำ ข้าจะต้องได้ดื่มก่อนใคร ฮะฮ้า น้ำโว้ย” เสียงทหารส่งเสียงตระโกนแล้ววิ่งไปหาน้ำ แต่เมื่อวิ่งเข้าไป น้ำที่เห็นก็ค่อยถดถอยหนี “เฮ้ย น้ำหนีได้โว้ย เมื่อกี้เห็นอยู่ตรงนี้ ทำไมน้ำหนีได้ว่ะ โอย ข้าหิวน้ำ น้ำ” เสียงทหารเริ่มเสียงหายไปแล้วล้มเป็นลมแดด เพราะขาดน้ำ

ครุยส์ (Claude) นักเคมีที่โด่งดัง ได้เดินมาถาม เกสพาร์ด  “มันเกิดอะไรขึ้น ทหารวิ่งไปหาน้ำแล้วไม่มีน้ำมีแต่ผืนทรายแห้งผาก” อ๋อ เป็นปรากฏการณ์ภาพลวงตา (Mirage) สาเหตุเกิดจากแสงสะท้อนที่ผิวทราย หักเหผ่านชั้นบรรยากาศที่มีความหนาแน่นไม่เท่ากันเข้าสู่ตา” “อา เข้าใจแล้ว แสดงว่าทหารเจอภาพลวงตาว่ามีแหล่งน้ำอยู่ใช่ไหม” ครุยส์ ถาม

เกสพาร์ด “ใช่ แต่สังเกตดี ๆ นะ แถวนี้ มีโขดหินลาดเอียงมากมาย อีกทั้งต้องเป็นหินไม่มีรู แสดงว่าบริเวณพื้นตรงฐานของหินอาจจะมีน้ำ เพียงแต่ต้องขุดลงลึกไป ถ้าพบความชื้นและชั้นหินให้ขยายปากหลุมสัก 30 เซนติเมตร แล้วรอสักสามสิบนาที ก็จะมีน้ำซึ่งออกมา ก็นำน้ำไปต้มก่อนเพื่อฆ่าเชื้อ”

“ช่างเป็นความรู้ เดี๋ยวต้องไปบอกท่านพลโท อเล็ก ให้สั่งการกับทหารที่กำลังคลุ้มคลั่งให้หาที่พักบริเวณนี้แถวโขดหิน”

“ทหารหยุดพัก และให้ขุดหลุมดินขึ้นมาบริเวณโขดหินแล้วรอสักพักจะมีน้ำซึมออกมา ให้นำน้ำไปต้มก่อนดื่ม” เสียงพลโท

อเล็กร้องบอกทหาร “ทุกคนต้องอยู่นิ่งๆ ต้องสงวนพลังงานไว้ ถ้าไม่เคลื่อนไหวจะไม่ค่อยหิวน้ำ ให้อดทนเอา สักพักจะมีน้ำดื่มไหลออกมา”

“ครับท่าน พวกเราหยุดพัก หาร่มไม้ โขดหิน สงวนพลังงานเอาไว้” 

“อย่าให้ร่างกายถูกแดดเผาจะทำให้เสียน้ำ” เกสพาร์ดกล่าวย้ำ และก็ได้หยิบ น้ำที่ใส่ในขวดแก้วทดลองออกมาจิบ แล้วแจกจ่ายให้กับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ และให้ทหารที่เป็นลมเพราะขาดน้ำ

กองพลของพลโทอเล็ก ได้สั่งให้ทหารพักคลายร้อนการเดินกลางทะเลทรายกลางวันเป็นการคิดผิดมหันต์ของนโปเลียน

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงทหารที่ขุดหลุมก็ได้น้ำซึมออกมาแล้วก็นำไปต้มฆ่าเชื้อ แล้วแบ่งกันจิบเพียงคนละนิดหน่อยทุกคนรอให้พระอาทิตย์ตกดินค่อยออกเดินทางต่อ

เกสพาร์ดสนทนากับครุยส์และพลโทอเล็ก มากับท่านนโปเลียนคราวนี้ได้ประสบการณ์มากมาย เมื่อกลับไปฝรั่งเศสจะให้ช่างทำการหล่อแก้วให้เป็นรูปโค้งเมื่อให้น้ำได้หยดลงมาได้ เพระผมสังเกตเห็นต้นกระบอกเพชรมีหนามที่ปลายใบ เพื่อเก็บไอน้ำ ดังนั้นผมจะทำฝาแก้วเป็นรูปโค้งเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมน้ำ โดยให้สังเกตตรงไหนของทะเลทรายมีพุ่มไม้ ใบไม้ ให้นำใบไม้ จากต้นเด็กออกมา แล้วขุดหลุมโยนใบไม้ลงไปในหลุม โดยต้องขุดหลุมให้ลึกจนเจอความชื้นในใต้ดิน    แต่ต้องขุดกลางแดดห้ามขุดในร่มเด็ดขาด เพราะจะทำการกลั่นน้ำออกมา โยนพืชใบเขียวใดๆ ก็ได้ลงไปในหลุมให้เต็ม ให้เต็มหลุม วางกระป๋อง หรืออะไรก็ได้ที่ใส่น้ำลงไปในหลุมให้อยู่ตรงจุดศูนย์กลางพอดีนำฝาแก้วพลิกให้ส่วนโค้งตรงกลางลงข้างล่างตรงกับกระป๋องหรือขวดแก้ว แล้วเอาดินกลบทับรอให้พระอาทิตย์ส่งความร้อนลงมาที่หลุมและในกระบวนการนี้เองการระเหยจะเกิดขึ้นและความชื้นใดๆ ก็ตามที่ระเหยจากดินหรือใบไม้จะไม่สามารถระเหยไปในอากาศได้เพราะมันจะติดอยู่ที่ฝาแก้วสุดท้ายมันจะจับตัวเป็นหยดน้ำและไหลลงแก้วไปในที่สุด

“ยอดเยี่ยมมากท่าน สมแล้วที่นโปเลียนให้ท่านร่วมเดินทางมาครั้งนี้ด้วย เพื่อนผมที่ฝรั่งเศส นิโคล่า อัปแปร์ (Nicolas Appert) ได้คิดค้น อาหารที่บรรจุในขวดโหล ปิดปากขวดด้วยจุกก๊อกให้สนิทแล้วซีลด้วยขี้ผึ้งอีกรอบนำไปต้มในน้ำร้อนจนกว่าอาหารจะสุก วิธีนี้จะทำให้สามารถเก็บอาหารไว้ได้เป็นปี ๆ แต่อาหารจะเสียถ้าฝามีรอยรั่วให้อากาศเข้าไปได้ ท่านลองชิมอาหารที่ผมนำมาไหม  แต่รสชาติอาจจะไม่เท่าอาหารปรุงสุกใหม่แต่จะลดภาระเรื่องเสบียงอาหารไปได้มาก”

“วิเศษ สุดยอดมาก ทำไมท่านไม่นำเสนอนโปเลียน”

พลโทอเล็ก ถามเกสพาร์ด “ผมก็พยายามเสนอท่านแล้ว แต่ท่านบอกติดงานยุ่ง ไว้มีเวลาว่างกว่านี้ ค่อยคุยกัน ผมก็เลยเฉยๆ ขวดน้ำอาหารกระป๋องผมนำติดตัวมาด้วย เพื่อฉุกเฉินจะได้ทานได้ในทะเลทราย

“นำติดตัวมามากไหม ผมนำติดตัวมาประมาณ 20 ขวด เป็นอาหาร 15 ขวด น้ำ 5 ขวด” ดี ไว้พบนโปเลียนผมจะนำความคิดไปเสนอท่าน เพราะเราประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และเสบียงอาหารในการออกรบ ต้องไปปล้นเสบียงชาวบ้านที่เราไปยึดครองถ้าเรามีเสบียง น้ำจะลดปัญหาในส่วนนี้ไปได้มากมายมหาศาลเลย”     พลโทอเล็กบอกกับเกสพาร์ด  

You may also like...