บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 264)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 264)

“เกิดอะไรขึ้นพวกเจ้าถึงพายเรือมาที่นี่ไม่พายเรือไปหาท่าน

แกรนด์ เจ้านายของพวกเจ้า”  ลอร์ดเบนจามินสอบถามทหารเติร์กที่หนีทัพลำและพายเรือมาขึ้นเรือที่ท่านลอร์ดบัญชาการอยู่

“พวกฝรั่งเศสมันถล่มหนัก พวกผมอาวุธสู้ไม่ได้จะไปพบท่าน

แกรนด์ก็คงถูกประหาร พวกผมอยากจะขอลี้ภัยไปอยู่อังกฤษท่านลอร์ด โปรดเมตตาพวกผมด้วยเถิด” สิบตรี ฮาเหม็ด ทหารเติร์กที่เฝ้าเรือที่ชายหาดได้นำทหารเติร์กที่เฝ้าเรืออยู่ด้วยกันพายเรือมาขึ้นเรือท่านลอร์ดเบนจามินได้ตอบลอร์ดเบนจามิน

“อืมส์ น่าเห็นใจพวกเจ้าที่ทำตามคำสั่ง กลับไปก็ตาย พวกเจ้าจึงตัดสินใจขอลี้ภัยไปอาศัยอยู่อังกฤษ พวกเจ้าตัดสินใจดีแล้วหรือ แล้วครอบครัวพวกเจ้าจะได้ผลลัพท์ที่เกิดขึ้น เมื่อพวกเจ้าทรยศต่อท่านสุลต่าน  ” ลอร์ดเบนจามินสอบถามทหารเติร์กแตกทัพ

          “พวกผมมารบเมียข้าก็ไปมีผัวใหม่แล้ว พวกนางไม่รอพวกพวกผมกลับไป ยิ่งมารบกับพวกท่านพวกนางรู้ดีว่าโอกาสตายมีสูง พวกนางไม่อยากเป็นม่ายไม่มีคนดูแล พวกนางไปหาสามีใหม่ที่เป็นพวกทหารพิการ คนแก่ที่มีทรัพย์สินอย่างน้อยก็มีคนดูแลพวกนาง สงครามน้อยครั้งจะมีคนรอดจากสงครามนอกจากจะเป็นผู้ชนะ” สิบตรี ฮาเหม็ด ได้ตอบลอร์ดเบนจามิน

“หญิงพวกเจ้าเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือไม่” ลอร์ดเบนจามินถามด้วยความสงสัย

“ไม่ เมียผมเป็นอดีตหญิงโสเภณี พวกนางต้องการที่พึ่งพาใครก็ได้ที่ทำให้ชีวิตพวกนางปลอดภัยพวกนางก็ยอมเป็นภรรยา เพื่อสร้างหลักประกันให้กับชีวิต” สิบตรี ฮาเหม็ด ได้ตอบลอร์ดเบนจามิน

“แสดงว่าพวกเจ้าไม่มีห่วงใช่ไหม”

“ใช่ครับท่านลอร์ด ชีวิตมันต้องดิ้นรนต่อสู้ ต้องเปลี่ยนเป้าหมายชีวิต เมื่อมีโอกาส พวกผมไม่รู้อนาคตในอังกฤษที่จะขอลี้ภัยไปอาศัยอยู่ จะดีหรือเลวพวกผมก็ไม่รู้ แต่ก็ดีกว่ารบและตายโดยไร้ค่า สุดท้ายก็เป็นแค่ธุลีดินที่ไม่มีใครจดจำ การลี้ภัยไปเผชิญสิ่งใหม่ในขณะที่มีชีวิตอยู่มันมีความหมายมากกว่าการสิ้นลมหายใจ  พวกผมรู้ดีอนาคตถ้ากลับเติร์ก ผลสุดท้ายคือตาย พวกผมไม่ยึดติดกับสิ่งที่เป็นอดีตมองไปข้างหน้า ถึงตัดสินใจพายเรือ หลบหนีมาแทนที่จะตายไปกับเพื่อน ความตายบางครั้งมันเบาเหมือนขนนก แต่บางครั้งก็หนักเหมือนขุนเขา การตายพวกผมเป็นการตายที่ไม่รู้ว่า ตายไปเพื่ออะไร ไม่ได้สู้รบเพื่อป้องกันประเทศ แต่เป็นการรบเพื่อสนองความต้องการขององค์สุลต่านเงินที่จะจ่ายค่าจ้างก็ยังไม่ได้ จนกว่าจะรบชนะกลับไป องค์สุลต่านถึงจะจ่าย เพื่อนที่ตาย ก็ตายฟรี  พวกผมคิดดูแล้ว ตายอย่างนี้มันไม่มีคุณค่า”  สิบตรี ฮาเหม็ดได้ตอบลอร์ดเบนจามิน

“โอความคิดพวกเจ้า ข้าไม่เคยนึกถึงมาก่อน พวกเจ้ามีความคิดที่แปลกประหลาด แตกต่างจากวิสัยชายชาติทหาร ที่ยอมตายเพื่อชาติ แต่พวกเจ้าไม่ยอมตายในสิ่งที่ที่พวกเจ้าคิดว่าไม่สมควรตาย” ลอร์ดเบนจามินตอบ สิบตรี ฮาเหม็ด ด้วยความอึ้งในแนวคิดล้ำยุค

“ท่านจะให้พวกผมไปอาศัยอยู่ที่เมืองใดในอังกฤษหรือต่างแดน” สิบตรี ฮาเหม็ดถามลอร์ดเบนจามิน

“ข้ายังไม่ตอบตกลง พวกเจ้ารีบสรุปเอาเองเลยนะ ถ้าไม่ให้พวกเจ้าลี้ภัย พวกเจ้าจะไปไหน คิดว่าคงไม่กลับดินแดนของพวกเจ้า”

“ถ้าท่านลอร์ดไม่ตกลง ก็ไม่เป็นไร พวกผมก็ขออำลา จะพายเรือเผชิญโชคชะตาเอาเองในทะเลกว้าง โชคดีอาจมีเรือสินค้าแล่นผ่าน ดีกว่าจะพายเรือกลับฝั่งให้ไอ้พวกฝรั่งเศสมันฆ่า” สิบตรี ฮาเหม็ดตอบ

“พวกเจ้าใจเด็ดนัก เอาละข้าจะล่องเรือกลับอังกฤษเพราะภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว  แต่จะให้พวกเจ้าอาศัยเรือกลับไปด้วย ถ้าจะลี้ภัยก็ได้ หรือถ้าอยากจะเผชิญโชคในดินแดนโลกใหม่ที่อเมริกา หรือละตินอเมริกา ข้าก็จะส่งให้พวกเจ้าไปกับเรือโดยสารเมื่อเรือเทียบท่าที่อังกฤษก่อน”

“ขอบคุณท่านลอร์ด”

 

       *********************************

 

วันเวลาผ่านไปไวมาก หลังจากหยุดยิง รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ที่พันตรีชามิลจะได้ไปเจรจากับนโปเลียน ถึงการยอมแพ้ในวันพรุ่งนี้

 พันตรีชามิล  อาเหม็ด ได้สั่งให้ทหารเติร์ก หยุดยิง และเอาสเบียงที่เหลือจำกัดมาทำอาหารทาน ทุกคนไม่มีสิทธิรู้ว่า อาหารที่ทานมื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายในแดนแดนอียิปต์ และต้องตกเป็นเชลยพวกฝรั่งเศส ที่จะเอาไปขายเป็นทาสในตลาด หรือเอาไปใช้เป็นทหารเพื่อสู้รบกับอังกฤษ

          “ฟาฮัดเจ้ามีความคิดอย่างไร ไอ้พวกฝรั่งเศสมันจะยอมให้เรามีชีวิตโดยนำไปขายในตลาดทาสหรือไม่”

          “ผมไม่ทราบ”

          “แล้วเจ้าล่ะ โยเซฟ คิดว่าอย่างไร” พันตรีชามิลถามทหารคู่ใจด้วยความกังวล ถึงคำตอบที่จะได้รับจากปากนโปเลียนว่าจะตัดสินใจอย่างไร ตกเป็นทาส หรือโอกาสเป็นทหารต่อ”

แสงพระอาทิตย์ทอแสงบนผืนทะเลทราย แสงดวงอาทิตย์สว่างจ้าส่องทาบ ค่ายทหารเติร์กที่ทำอย่างลวก ๆ  ทหารเติร์กหลายคนยังนอนอย่างเหนื่อยล้า เพราะไม่รู้ชะตาชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป หลังจากหยุดยิง ทหารเติร์กก็ได้พักผ่อนเต็มอิ่ม พันตรีชามิลหลังจากสนทนากับ อาเหม็ด และโยเซฟเสร็จเกือบย่ำรุ่ง จึงผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนนอนก็ได้บอกาอาเหม็ดไม่ต้องให้ทหารเป่าแตรปลุกทหาร ปล่อยให้นอนเต็มอิ่ม หลังจากพวกทหารเติร์กไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาหลายคืนติดต่อกัน

“มา ดื่มกาแฟกันท่านพลเอกมีโน่” เสียงร้องทักทายของนโปเลียนชวนพลเอกมีโน่ ที่กำลังเดินทางมาพบกับนโปเลียน โดยมีพันตรีฟรานซิสทหารคนสนิทได้เดินทางมาด้วย เพราะวันนี้เป็นวันเจรจากับทหารเติร์ก พลเอกมีโน่จึงได้รีบเดินทางมาหารือกับนโปเลียนตั้งแต่เช้า”

“ครับท่านนโปเลียน” พลเอกมีโน่ได้เดินทางไปนั่งตรงข้ามกับนโปเลียนโดยมีรัสตัม นำกาแฟมาเสริฟให้พลเอกมีโน่กับพันตรีฟรานซิสซึ่งพันตรีฟรานซิสก็ยืนอยู่ข้าง ๆ กับพลเอกมีโน่

“นั่งลงฟรานซิสที่นี่ไม่ต้องตามระเบียบ ทำตัวตามสบายนั่งและดื่มกาแฟกันก่อนใจเย็น ๆ คอยพันเอกเจนัวร์  พันเอกอาร์รอนก่อน” หลังจากดื่มกาแฟได้สักพัก บักเคน พันเอกหญิงโคลเอ้ และพันตรีเอ็ดเวิร์ดได้เดินทางมาสมทบ นโปเลียนได้ทราบข่าวว่าพวกเติร์กจะเจรจาสงบศึกและขอยอมแพ้ นโปเลียนได้มอบหมายให้พันตรีเอ็ดเวิร์ดขี่ม้าไปแจ้งพันเอกหญิงโคลเอ้ที่โรงพยาบาล โดยมีบักเคนขอร่วมเดินทางไปที่โรงพยาบาลด้วย

“อาการเป็นอย่างไรบ้างผู้พัน” นโปเลียนได้เอ่ยทักทายพันเอกหญิงโคลเอ้

“อาการค่อยยังชั่วค่ะ อีกสองสามวันก็สามารถไปสู้รบได้”

 

“ไม่ต้องแล้วผู้พัน พวกเติร์กขอยอมแพ้แล้ว ผู้พันไม่ต้องรบแล้ว” เสียงพลเอกมีโน่บอกกับพันเอกหญิงโคลเอ้

You may also like...