บักเคนทะลุมิติภาค 1 (ตอนที่ 065)

บักเคนทะลุมิติภาค 1 (ตอนที่65)

ลาฟาแยตต์ ได้สั่งให้เอ็มมาโรเอล ค้นหาพระเจ้าหลุยส์ และ            ก็ได้พบพระเจ้าหลุยส์หลบอยู่ในห้องลับ ในห้องทรงพระอักษร       ซึ่งคนที่รู้เรื่องว่าในห้องทรงพระอักษรมีประตูลับซ่อนอยู่คือ       เอ็มมาโรเอล ที่พระนางมารี อังตัวเนต เคยเผลอหลุดปากออกมา นอกจากนี้ เอ็มมาโรเอล ได้บอก ลาฟาแยตต์ ว่าในห้องชุดของ           พระเจ้าหลุยส์ ยังมีห้องลับที่ลงไปยังอุโมงค์ใต้ดินที่ไปทะลุออกนอกเขตพระราชวังแวร์ซายส์ แถวราวป่าด้านตะวันตก

ลาฟาแยตต์ พร้อมทหารได้รีบรุดไปห้องทรงพระอักษร และ ก็ค้นพบห้องลับได้ติดตามพระนางมารี อังตัวเนต ไปอย่างรีบเร่งและก็พบพระนางมารี อังตัวเนต และเจ้าหญิงเดอลอมบาล นั่งพักที่ชายป่า สองพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เพระในชีวิตไม่เคยหลบหนีภัยมาก่อน ลา ฟาแยตต์ ได้ทูลเชิญสองพระองค์          และเชื้อพระวงศ์ประกอบไปด้วย พระธิดาองค์แรกมีพระนามว่า  มารี เทเรส แห่งฝรั่งเศส มีชื่อเล่นว่า “มาดามรัวยาล” และพระโอรสองค์ที่สองเจ้าชายหลุยส์ โจเซฟ มกุฎราชกุมาร ซึ่งมีข่าวลือว่า              พระโอรสมิใช่พระโอรสที่เกิดจากพระเจ้าหลุยส์ และพระโอรสองค์ที่สาม พระนามว่าเจ้าชายหลุยส์ ชาร์ล ดำรงตำแหน่งยุคแห่งนอร์มงดีรวมถึงพระราชโอรสให้ไปพำนักที่พระราชวัง ตุล์เยรีส์ (Tuilleries) กองทหารแนชนัลการ์ด (National Guards) ได้คุ้มครองขบวนเสด็จ โดยมีชาวบ้านรากหญ้าพร้อมกับบักเคนที่ไม่มีหน้าที่อะไรอีก ได้เดินนำขบวนรถม้าของพระเจ้าหลุยส์

ในระหว่างเดินนำหน้าขบวน บักเคนได้สอนชาวบ้าน   รากหญ้าฟ้อนรำ พร้อมกับส่งเสียโห่ร้อง  เพื่อประกาศชัยชนะในสงครามครั้งสุดท้ายนำหน้าขบวนเสด็จ เหมือนกับขบวนแห่ผ้าป่า

เมื่อพระราชวงศ์เสด็จกลับปารีสภายใต้การอารักขา กองทหารแนชนัลการ์ด (National Guards) พร้อมกับ มากีส์ เดอ ลา ฟาแยตต์ ฝูงชนนักปฏิวัติมองดูขบวนเสด็จพระราชดำเนินด้วยความเงียบงันอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ระลอกของความตกตะลึงแผ่เข้าไปในฝูงชนผู้จ้องมองไปยังองค์กษัตริย์ที่พวกเขาเกลียดชัง               ทุกพระองค์ทรงถูกคุมขัง ณ พระราชวังตุยเลอรี และนับจากเหตุการณ์นี้เป็นต้นไป ทำให้แนวคิดการล้มเลิกระบอบกษัตริย์    และการสถาปนาสาธารณรัฐมีความเป็นไปได้มากขึ้น ทำให้ความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจต่อพระมหากษัตริย์ภายใต้ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญถูกบ่อนทำลายลงอย่างมาก                 จากความพยายามในครั้งนี้

ความวุ่นวายในฝรั่งเศสได้ทำให้สมาคม จาโกแบงส์ ได้กำเนิดขึ้น ซึ่งสมาคมจาโกแบงส์ ได้ถือเอาชื่อวัดร้างแห่งหนึ่งมาตั้งเป็นสมาคม และเป็นที่ประชุม ในช่วงแรกสมาคมจาโกแบงส์ได้รับสมัครสมาชิกจากบุคคลทั่วไปไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็ตามจะเป็นง่อยพิการ ขี้ขลาดตาขาว  นักเลงหัวไม้ก็รับหมด ขอให้มีสมาชิกมาก ๆ ก็พอ เวลาเรียกประชุมจะได้มีสมาชิกเข้าร่วมประชุมมากในการประท้วงเรื่องขนมปังแพง

สมาคมจาโกแบงส์ได้ระดมสมาชิกจำนวนหลายหมื่นคน            มาชุมนุมเรียกร้องให้พระเจ้าหลุยส์ ให้ยกเลิกอภิสิทธิ์ ฐานันดร และระบบฐานันดร โดยอ้างว่าเป็นฉันทามติของมวลมหาประชาชน  นอกจากนี้ก็ยกขบวนมาชุมนุมเรียกร้องในชานกรุงปารีสอยู่บ่อย ๆ โดยเรียกร้องให้รัฐปันส่วนขนมปังให้กับคนจนในราคาถูก แถมให้ยกเลิกอภิสิทธิ์ ฐานันดร ม๊อบจาโกแบงส์ จะมีข้อเรียกร้องไป             เรื่อย ๆ แล้วแต่จะสรรหาข้อเรียกร้องประหลาด ๆ ให้ออกกฎหมายบังคับประชาชนฝรั่งเศส “ห้ามวางกับดักหนูหากไม่มีใบอนุญาต”  “ห้ามขายตุ๊กตาไม่มีใบหน้าคน” “ห้ามมีเซ็กส์และกิจกรรมทางเพศทั้งมวลที่สนามหน้าบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดิน” “ห้ามขับรถม้า  โดยนำผ้ามาปิดตา”

เมื่อได้จัดตั้งสภาแห่งชาติ หรือสภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้กำเนิดขึ้น การประชุมจะมีการเปลี่ยนตัวประธานสภาทุก 14 วัน ในการประชุมสภาจะมีก๊วน 30 เสียง มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลง  การปกครองตามแนวคิดของรุซโซ่ โดยมีเปติอัง บูโซต์ และโรแบสปีแยร์ (Petion, Buzot Robes Pierre) เป็นหัวหน้าทำการล็อบบี้สมาชิกสภากลุ่มต่าง ๆ ให้มารวมก๊วนเดียวกัน การลงคะแนนเสียง ก็ยังไม่มีเอกภาพ สมาชิกสภาคนหนึ่งคือนายมิราโบได้เสนอระเบียบการประชุมแบบรัฐสภาอังกฤษ

โรมีลี (Romilly) ได้แปลขึ้นจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งที่ประชุมสภาก็ไม่ยอมรับ “ไม่เอา พวกเราไม่ใช่  คนอังกฤษ ไม่ต้องการอยากได้อะไรที่เป็นอังกฤษ”

เสียงเรียกของสมาชิกสภาร้องบอกมิราโบสมาชิกส่วนใหญ่ยังไม่มีความชำนาญในการประชุมสภา ในคราวประชุมสภา   คราวหนึ่ง โรแบสปิแยร์ได้เชิญบักเคนและปิแอร์เข้าสังเกตการณ์ประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งการประชุมเปิดกว้างให้ชาวบ้านสามารถเข้าฟังการประชุมได้ การเสนอญัตติของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประธานสภาได้เปิดให้มีการอภิปรายก็จะมีชาวบ้านที่มาสังเกตพูดสอดเข้ามาเหมือนกับตลาดสดยามเช้าไม่มีผิด

โรแบสปิแยร์ได้เสนอญัตติเข้าที่ประชุมโดยกล่าวว่า “ข้า             โรแบสปิแยร์ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจังหวัดปาเดอกาเลส์ มณฑลอาร์ตัวส์ ขอเสนอญัตติ ชาวบ้านถูกชนชั้นขุนนางกดขี่  มานานต้องเป็นแรงงานรับใช้ ขุนนางเจ้าของที่ดิน ข้าขอเสนอให้สภาประกาศให้เจ้าของที่ดิน ศาสนจักร และขุนนางทั่วทั้งฝรั่งเศสสละซึ่งอำนาจปลดปล่อยแรงงานในที่ดินให้เป็นอิสระ และไม่ต้องเสียภาษีให้กับเจ้าของที่ดิน ให้เสียให้กับรัฐบาลเพียงแห่งเดียว นอกจากนี้ ขอให้ขุนนางทั้งหลาย นักบวชทั้งมวล ยอมสละสิทธิในการไม่ต้องเสียภาษี เพื่อให้รัฐ ขอให้พวกท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวท่านเองก่อนว่าท่านทำอะไรให้กับประเทศชาติ” การที่พวกท่านบางกลุ่มไปก่อม๊อบปิดล้อมย่านร้านค้า ท่านเคยถามเจ้าของร้านค้าหรือไม่ว่า ธุรกิจเขาเสียหายเพียงใด ท่านเก็บขูดรีดภาษีจากชาวนาที่อยู่ในการปกครองของท่าน ท่านเคยถามชาวนาบ้างไหม เขาเหล่านั้นมีอะไรกิน เมื่อฤดูหนาวมาถึง คนต้องอดอยากล้มตาย แล้วที่พวกท่านทะเลาะกันด้วยเรื่องเมื่อวานนี้ พวกเราจะสูญเสียวันพรุ่งนี้” 

 

สิ้นเสียงอภิปรายของ โรแบสปิแยร์ เป็นคำพูดที่จับใจ ทำให้ขุนนาง พระสงฆ์ ผู้แทนจากเมืองต่างทั่วฝรั่งเศส ต่างยอมสละสิทธิที่ไม่ต้องเสียภาษี ทุกคนรักชาติจนน้ำตาไหล  

You may also like...