บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 009)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 9)

รถม้าวิ่งเหยาะ ๆ บักเคนมองเห็นแสงไฟ วับ ๆ แวม ๆ บนชั้นสองของปราสาทของมงเตสกิเอออยู่ลิบ ๆ “คุณเคนใกล้ถึงปราสาทแล้ว คงหิวแล้วซินะ นี่ก็มืดแล้วเดินทางวันนี้เหนื่อยทั้งวัน ถึงปราสาทกินอาหารเย็นแล้วก็พักผ่อนนะ” เสียงมงเตสกิเออ บอกบักเคน เมื่อรถม้าถึงประตูหน้าปราสาทข้าทาสได้มาเปิดประตูให้ มงเตสกิเออ สวัสดีครับนายท่าน เดินทางเหนื่อยไหม เพื่อนสนิทของท่าน ฌอง ฌาค รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) มารอพบท่านตั้งแต่บ่าย เห็นบอกว่ามีเรื่องด่วนอยากคุยกันท่านและขอพักค้างคืนที่ปราสาทของท่าน” ทาสบอก มงเตสกิเออ “แล้วจัดหาที่พักให้เพื่อนข้าแล้วหรือยัง” มงเตสกิเออถามทาส “จัดให้แล้วครับ ให้พักบนปราสาทชั้นสองห้องเดิมที่ท่าน รุสโซ เคยมาพักบ่อย ๆ” โชคดีแล้วคุณเคน คืนนี้จะได้กินข้าวกับเพื่อนสนิทของข้า ท่านรุสโซ คุณเคนเคยได้ยินชื่อฌอง ฌาค รุสโซ หรือไม่” มงเตสกิเออ พูดกับบักเคน “อ๋อเคยได้ยินชื่อเสียงของท่าน ฌอง ฌาค รุสโซ ครับ” ดีแล้ว เข้าไปในปราสาทก่อน อาบน้ำพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อย ทานอาหารเย็นกับท่าน รุสโซ” “ครับท่าน” บักเคนตอบมงเตสกิเออ แล้วก็เดินขึ้นบันไดปราสาทชั้นสองเพื่อไปห้องพักที่ทาสได้เตรียมเสื้อผ้า และน้ำอุ่นไว้ให้บักเคนได้อาบชำระร่างกายหลังจากเหน็ดเนื่อยจากการเดินทาง เสียงร้องเพลงเดือนเพ็ญของบักเคนดังแว่ว ๆ มา บักเคนร้องหมอลำเพื่อให้หายคิดถึงบ้าน หลังจากอาบน้ำเสร็จบักเคนได้เดินลงมายังห้องอาหารก็พบกับท่าน รุสโซ กำลังสนทนากับมงเตสกิเออ “มานี่คุณเคน ผมจะขอแนะนำให้รู้จักเพื่อนสนิทของข้า ท่าน รุสโซ” “ยินดีได้รู้จักครับท่าน ผมได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้วครับ” บักเคนกล่าว ขณะที่รุสโซทำสีหน้างง ๆ และคิดในใจเป็นคนประเทศไหนกันนี่ ผิวคล้ำไม่ใช่คนฝรั่งเศสแน่นอน จะว่านิโกรก็ไม่ใช่ แต่ก็เอ่ยปาก “ยินดีได้รู้จัก คุณเคน ท่านเป็นคนประเทศไหน” มงเตสกิเออได้พูดบอกท่าน รุสโซ “ขอโทษทีท่าน ข้าลืมบอกท่าน คุณเคนเป็นคนสยามได้เดินทางมายังฝรั่งเศส และได้มาพักที่ปราสาทของข้า มา ๆ คุณเคน มาทานอาหารเย็นและพูดคุยกับท่าน รุสโซ” เสียงมงเตสกิเออบอกบักเคน “เมื่อกี้ข้าพูดถึงไหนกันท่านมงเตสกิเออ” รุสโซ ถามมงเตส กิเออ “ท่านเล่าถึงสถานการณ์ในดินแดนไกลโพ้น กองทหารฝรั่งเศสกำลังทำสงครามกับอังกฤษในดินสหรัฐอเมริกา องค์กษัตริย์ทรงรับสั่งให้ท้องพระคลังเก็บภาษีชาวบ้านเพิ่มขึ้น เพื่อนำเงินภาษีไปใช้จ่ายในการทำสงครามปลดปล่อยอเมริกา จากอังกฤษ อืมส์ สีหน้า รุสโซ ดูกังวล และกล่าวว่า “สงสารประชาชนที่ต้องจ่ายภาษีให้กับศาสนจักรและแผ่นดิน ในขณะที่สองฐานันดร ข้าราชการ ขุนนาง กับนักบวชไม่ต้องเสียภาษี ข้าเชื่อว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นเป็นคนดี มนุษย์เกิดมาพร้อมเสรีภาพ แต่ทุกหน ทุกแห่งในประเทศฝรั่งเศส ชาวบ้านต้องตกอยู่ในเครื่องพันธนาการของการจ่ายภาษีเพื่อขุนนางศาสนจักรและราชสำนัก ในขณะที่ผลผลิตก็เพาะปลูกได้จำกัด ต้องอาศัยธรรมชาติ ฝนฟ้าไม่รู้ว่า ธรรมชาติจะเมตตาทำให้การเพาะปลูกอุดมสมบูรณ์ทุกปีหรือไม่ ชาวบ้านจะได้มีอาหารเลี้ยงปากท้องและจ่ายภาษีให้รัฐ แต่ถ้าฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล ชาวบ้านก็ไม่มีปัญญาจ่ายภาษี แต่ทางการยังเรียกเก็บภาษีเพิ่ม เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องจ่าย” ข้าก็เห็นด้วยแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร” มงเตสกิเออกล่าวกับ รุสโซ “สิ่งที่ข้าพูดนั้น หมายถึง มนุษย์ต้องมีพันธะสัญญาเมื่อมาอยู่ร่วมกัน การที่พวกเราแต่ละคนยอมสละตัวเอง และอำนาจหน้าที่ ที่เขามีอยู่ทั้งหมดให้กับส่วนรวม ภายใต้การนำสูงสุดของ “เจตน์จำนงร่วม “และในฐานะองค์รวม เราได้รวมสมาชิกที่เป็นพลเมืองฝรั่งเศสทุกคนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่แบ่งแยกไม่ได้ อันประกอบด้วยจำนวนสมาชิกที่มีจำนวนเท่ากับผู้ออกเสียงในที่ประชุม ซึ่งทำให้องค์รวมดังกล่าว มีชีวิต มีเจตน์จำนง มีตัวตน และมีเอกภาพของตัวเองขึ้นมา องค์รวมทางการเมืองหรือบุคคลสาธารณะที่ก่อตัวขึ้นนี้ คือ สังคมเมือง หรือสาธารณรัฐ และในสถานะที่เป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งเรียกว่า รัฐ แต่ถ้า อยู่ในสถานะ ผู้ถูกกระทำ เรียกว่า องค์อธิปัตย์ (The Sovereign) เมื่อมีการเปรียบเทียบระหว่างองค์อธิปัตย์ด้วยกัน เราเรียกว่า อำนาจ (Power) และสำหรับผู้ที่เข้าร่วมอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐ เรียกว่า “ประชาชน” และเรียกว่า “พลเมือง” ตราบเท่าที่พวกเขา มีส่วนร่วมในอำนาจอธิปไตย และเรียกพวกเขาว่า “ราษฎร” ตราบ เท่าที่พวกเขาอยู่ภายใต้กฎหมายของรัฐ แต่การใช้อำนาจของผู้มีอำนาจต้องความชอบธรรมของผู้มีอำนาจ อำนาจย่อมไม่ก่อให้เกิดธรรม เว้นแต่ผู้ใช้อำนาจจะใช้อำนาจโดยความชอบธรรมเท่านั้น ต้องใช้อำนาจด้วยความยุติธรรมถึงจะมีความชอบธรรม การที่ข้าไม่เห็นด้วยกับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มในขณะที่ราษฎรอดอยากและแผ่นดินแดนไกลก็ไม่ใช่แผ่นดินแม่ ที่ต้องทำสงครามเพื่อปกป้องกันดินแดน ดังนั้น การเก็บภาษีเพิ่มถือว่าผู้ใช้อำนาจเป็นไปด้วยความไม่ชอบธรรม” แต่ประชาชนที่เป็นพลเมืองต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การเสียภาษีเป็นหน้าที่ และธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีความอ่อนแอ ขี้ขลาด และหวาดกลัว ซึ่งเป็นคุณสมบัติประจำตัวของมนุษย์ ดังนั้น มนุษย์ต้องมารวมตัวกันเป็นสังคม” มงเตสกิเออพูดกับรุสโซ รุสโซก็กล่าวตอบมงเตสกิเออ “ก็ใช่ แต่รัฐต้องคำนึงถึง ความเหมาะสม” “ระบบการปกครองเป็นแบบใดถึงจะดีที่สุดครับท่านมงเตส กิเออ” บักเคนถามมงเตสกิเออ หลังจากรับฟังการสนทนาของ ฌอง ฌาค รุสโซกับมงเตส กิเออ “รัฐบาลในโลกนี้ไว้เป็น 3 รูปแแบบใหญ่ ๆ คือ หนึ่งรัฐบาล สาธารณรัฐ (Republic) หลักการ หรือตัวค้ำชูระบอบนี้คือ คุณธรรม หรือสำนึกร่วม และรักชาติ ผู้ที่มีคุณธรรมจะต้องเคารพต่อกฎหมาย และสำนึกในหน้าที่ต่อชาติ มองแตสกิเออกล่าวอีกว่า ถ้าเมื่อใด ที่ผู้คนไม่มีคุณธรรม ซึ่งเป็นตัวค้ำชูระบอบนี้ ในที่สุดระบอบนี้ก็จะอยู่ไม่ได้ สอง รัฐบาลแบบกษัตริย์ (Monarchy) หลักการของระบอบนี้ จะใช้ เกียรติยศเป็นตัวค้ำชูระบอบ (Honor) ใช้ความเหนือกว่าและฐานะของตัวบุคคลเป็นแรงบันดาลใจ หรือดึงดูดใจผู้คนในการทำดี ซึ่งเป็นระบอบการปกครองปัจจุบันและสามรัฐบาลแบบเผด็จการ (Despotism) หลักการหรือตัวค้ำชูระบอบนี้ คือ ความกลัว (Fear) เป็นตัวค้ำชูระบอบ โดยใช้ความเข้มงวดของกฎหมาย บังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรง เพื่อบีบบังคับให้คนเชื่อฟัง” หมายความว่าอย่างไรครับท่านมงเตสกิเออ ผมฟังไม่ค่อยเข้าใจ ไหนลองอธิบายให้ผมฟังหน่อย” บักเคนถามมงเตสกิเออ “เป็นภาษาทางการเมืองคุณเคนอาจจะสับสน ข้าขออธิบาย ง่าย ๆ ดังนี้ ระบบแรก เป็นร้านค้าชุมชนที่คนดีรวมตัวกันมาเปิดร้านค้าชุมชนให้ลูกค้ายากดีมีจน เข้ามาซื้อของในร้านค้าชุมชน สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตามใจตนเองที่ต้องการอยากได้ แต่คนซื้อต้องรู้จักตนเองว่ามีกำลังซื้อแค่ไหน สินค้าที่ซื้อไปมีความจำเป็นในชีวิตไหม รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ เมื่อซื้อสินค้าแล้วต้องจ่ายเงินค่าสินค้า การจ่ายเงินค่าสินค้า คือความรับผิดชอบ หรือคุณธรรมของคนในสังคม ถ้าลูกค้าซื้อสินค้าแล้วไม่จ่ายเงิน ระบบนี้ก็ล้ม อยู่ไม่ได้” มงเตสกิเอออธิบายให้บักเคนฟัง “บ้านผมรัฐบาลเอาสินค้าที่ชาวบ้านอยากได้แต่ไม่มีปัญญาซื้อมาโฆษณาชวนเชื่อ ว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความอยากได้อยากมีให้ชาวบ้าน แล้วชาวบ้านก็ซื้อสินค้าจากรัฐบาลแล้วก็ไม่มีปัญญาจ่าย รัฐบาลก็ปล่อยเงินกู้ให้ แล้วจะชาวบ้านไม่มีปัญญาจะจ่ายเงินกู้คืน จะเป็นเหมือนที่ท่านเล่าไหมแล้วใครจะรับผิดชอบรัฐบาลหรือชาวบ้าน” บักเคนถามมงเตสกิเออ ขณะที่รุสโซ ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามอันแหลมคมของบักเคน

You may also like...