บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 021)

บักเคนทะลุมิติ ภาค 1 (ตอนที่ 21)

          “รุ่งเช้าเราสองคนพี่น้องตื่นขึ้นมา พอหันไปปลุกแม่ ไม่มีเสียงตอบ แม่ได้หมดลมหายใจไปแล้วด้วยความหนาวเพราะเราสองพี่น้องดึงผ้าห่มหนามาพันกาย ปล่อยให้แม่ต้องเสียชีวิตไปด้วยความหนาว น้ำตาของฉันกับพี่สาวไหลอาบแก้ม มีแต่เสียงสะอึกสะอื้น ด้วยความเสียใจจากการจากไปของแม่ พี่สาวร้องไห้หาแม่ และรีบวิ่งไปบอกพ่อว่าแม่เสียชีวิตแล้ว

น้ำตาของโซฟีเริ่มไหล พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ บักเคนและโยเซฟได้ฟังเรื่องเล่า สองคนน้ำตาเริ่มซึม สงสารชะตาชีวิตของโซฟี เมื่อพ่อได้ยินข่าวแม่เสียชีวิตก็รีบมาดูศพแม่ เราสองพี่น้องร้องให้เสียใจที่แม่จากเราไปไม่มีวันกลับ โชคชะตาชีวิตคนจนมีแต่ความทุกข์ยาก ความตายได้ปลดเปลื้องแม่จากความหิวโหย ความเจ็บป่วย”

“หลังจากนั้น นายเจ้าของที่ดินก็ได้ให้พี่สาวไปเป็นคนรับใช้ทำงานที่ปราสาท และได้ปรนเปรอกามให้กับนายเจ้าของที่ดินและสุดท้ายพี่สาวได้ถูกนายเจ้าของที่ดินฆ่าตายเพราะพี่ไม่สนองตัณหาไปร่วมหลับนอนกับเพื่อนนายในงานเลี้ยงที่ปราสาทคืนนั้น เมื่อได้ยินพี่สาวตาย หนูก็เลยกลัว พ่อก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่พูดปลอบใจหนู สักพักนายได้เอาหนูไปขายที่ปารีส เพื่อเป็นดอกเบี้ยที่พ่อไม่มีเงินจ่ายค่าเช่านาโซฟีพูดไปก็ร้องไห้ไป

วันที่หนูถูกเสนอขาย นายหญิงพอดีผ่านมา เลยประมูลซื้อหนูจากนายหน้าค้าทาส และก็คอยรับใช้นายหญิง ซึ่งนายหญิงรักหนูเหมือนลูก ชีวิตนี้หนูยอมตายเพื่อนายหญิง ส่วนพ่อ หลังจากหนูมาอยู่กับนายหญิงได้เล่าเรื่องบอกนายหญิง นายหญิงได้มีเมตตา         ให้คนไปสอบถามข่าวคราวของพ่อ

          เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง คนที่นายหญิงส่งไปสอบถามข่าวคราวของพ่อ ได้บอกว่า พ่อเสียชีวิตแล้ว หลังจากนายเอาหนูมาขายใช้หนี้ ชีวิตหนูไม่เหลือใครนอกจากนายหญิง แต่ชีวิตอยู่กับนายหญิง   ก็ดีกว่าคนอีกนับแสนที่ชะตาชีวิตไม่ได้โชคดีอย่างกับหนู โซฟีเล่าชะตาชีวิตให้บักเคนและโยเซฟฟัง สองคนได้แต่ปลอบใจโซฟี ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้า

          เรือได้รอนแรมในมหาสมุทรแอตแลนติกมาสามสัปดาห์บ่ายวันนี้ ท้องฟ้าสว่างสลับกับสลัวเพราะเมฆมาก บดบังแสงแดดยามบ่าย สักพักเสียงกะลาสีเรือร้องบอกกัปตันว่า

ฟ้ามืดคลึ้มอยู่ข้างหน้า น่าจะมีพายุครับ

กัปตันได้บอกให้ลดใบเรือลง เสียงกะลาสีเรือได้เอ่ยปากบอกกัปตัน ท่าจะมีพายุรุนแรงครับ เห็นสายน้ำพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า น่าจะเป็นพายุหมุน

“เบนหัวออกซ้าย 25 องศา” เสียงกัปตันร้องบอกนายท้ายเรือ สายฟ้าแลบ พร้อมเสียงฟ้าผ่าดังลั่นท้องมหาสมุทร บักเคนนึกในใจ ที่เรือผ่านมหาสมุทรช่วงนี้เคยมีประวัติศาสตร์เรือไททานิกที่ไม่มีจม ก็พบจุดจบที่นี่ เพราะชนก้อนน้ำแข็งที่ล่อยลอยมาจากขั้วโลกเหนือ

บักเคนเคยอ่านหนังสือจำได้ว่าเรือไททานิกไม่ได้ชนก้อนน้ำแข็งแต่ชนกับตอร์ปิโด ของเรือดำน้ำเยอรมัน สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะเวลามันทับซ้อนมิติกัน เรือดำน้ำเยอรมันยิงตอร์ปิโดใส่เรือสินค้าของอังกฤษที่แล่นผ่านน่านน้ำช่วงนี้แต่มิติเวลามันเหลื่อมทับซ้อนกันเรือไททานิกกำลังแล่นผ่านมาพอดีเลยเจอเรื่องบังเอิญ เรือไททานิคเจอแจ็คพ็อต ชนตอร์ปิโดที่กำลังวิ่งไปทำลายเรือสินค้าของอังกฤษ        

          เวลาผ่านไป 90 ปี มีเรือสินค้าของสหรัฐแล่นผ่านมา มีคนเห็นศพหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปี ลอยเดียวดายอยู่ในทะเล ที่ห่วงชูชีพเขียนว่าไททานิก หญิงสาวเสียชีวิตบนห่วงยางเกือบร้อยปี ทำไมศพเหมือนกับเพิ่งเสียชีวิต กัปตันเรือสินค้าได้แจ้งไปยังประเทศไอร์แลนด์กับสหรัฐอเมริกาว่าพบศพคน โดยสารเรือไททานิกที่ศพยังสมบูรณ์มากเหมือนกับเพิ่งตายใหม่ ๆ กับตันได้บอกให้ลูกเรือสินค้านำศพหญิงสาวขึ้นมาบนเรือและไว้ในห้องเย็นเวลาผ่านไปประมาณ 2 วัน ศพก็เหี่ยวเหมือนคนอายุกว่าร้อยปี เมื่อทางการสหรัฐอเมริกาได้ทราบข่าวว่าเรือสินค้าพบศพผู้โดยสารเรือไททานิกซีไอเอได้ขอศพหญิงสาวที่เรือสินค้าพบนำศพขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปต่อเครื่องบินไปยังฐานทัพที่ 51 บริเวณทะเลทรายรัฐเนวาด้าเพื่อพิสูจน์เรื่องลึกลับโดยปิดเป็นความลับบักเคนนั่งนึกถึงเรื่องราวที่ตนเองเคยอ่านสมัยที่อยู่ฝรั่งเศส

          “กัปตัน ๆ กัปตัน ครับด้านซ้ายมือมีนกยักษ์ ตัวใหญ่มากครับบินอยู่”  เสียงเวรยามที่อยู่บนเสากระโดงเรือร้องบอกกัปตัน

โอ๊ว ! พระเจ้า นกยักษ์ทำไมตัวใหญ่จัง เกิดมากไม่เคยเจอ เสียงมันร้องดังมาก กลบเสียงฟ้าร้องมิดเสียงกัปตันอุทาน

โอ๊ว พระเจ้าโปรดช่วยคุ้มครองลูกด้วย เสียงสวดมนต์ภาวนาของเลดี้ มาแชม ดังขึ้น ขณะนั้น นกยักษ์ บินต่ำมาก เสียงดังกระหึ่ม บักเคนแหงนหน้ามองไปทางซ้ายตามที่เวรยามบอก บักเคนตะลึง เครื่องบิน บินต่ำมาก กำลังบินผ่านเรือไป บักเคนมองที่ลำตัวเครื่องบิน เห็นเป็นสัญลักษณ์มาเลเซียแอร์ไลน์ ที่บักเคนเคยนั่งไปฝรั่งเศส สมัยที่ไปทำงาน มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ถึงทะลุมิติมาโผล่ที่มหาสมุทรแอตแลนติก เครื่องบินกำลังบินไปไหน ไปยุโรปหรือสหรัฐ บักเคนตั้งคำถามให้ตัวเอง ทำไมมันมาโผล่ในช่วงนี้

บักเคนเต็มไปความงงงวยสงสัย แสดงว่าเรามีโอกาสกลับบ้าน แถวนี้มันเป็นมิติเวลาที่เหลื่อมล้ำกัน คงเป็นสนามแม่เหล็กโลก ที่เครื่องบินสามารถบินทะลุกาลเวลามาได้ แล้วเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ก็บินหายลับไปในหมู่ก้อนเมฆในขณะที่ฟ้าแลบ สายฟ้าเป็นเส้นยาวเหยียดลงสู่ท้องน้ำเป็นประกายเจิดจ้า

          ไม่ต้องกลัวครับเลดี้ มาแชม

ไม่ใช่นกยักษ์ แต่เป็นเรือเหาะครับ ไม่มีอันตรายครับ

บักเคนบอกเลดี้ มาแชม ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะเคยได้ยินว่าพี่น้องตระกูลไรต์ ได้สร้างเครื่องบิน แต่เป็นเครื่องบินมีใบพัดไม่เหมือนกับนกยักษ์ที่บินผ่านไป ขณะที่เวร บนเสากระโดงเรือเกิดความตกใจในความใหญ่โตมโหฬาร ของเครื่องบินและเสียงเครื่องบินที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตส่วนโยเซฟสีหน้าหวาดกลัว วิ่งเข้าไปหลบในห้องพัก บักเคนได้เดินเข้าไปหาโยเซฟพร้อมกับบอกว่า ไม่ต้องกลัวไม่ใช่นกยักษ์ แต่เป็นเครื่องบิน หรือเรือเหาะ ที่สหรัฐก็มีแต่เป็นเครื่องบินใบพัดของพี่น้องตระกูลไรต์”

You may also like...